เวลา 11.00 น.วันที่ 21 ต.ค.57 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ชาวบ้านจากบ้านทุ่งเจ้าเหนือ ม.13 ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย ประมาณ 50 คน ได้เดินทางมาร้องต่อศูนย์ดำรงค์ธรรม ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย โดยชาวบ้านได้นำบัญชีกลุ่มออมทรัพย์หมู่บ้านทุ่งเจ้าเหนือที่ เปิดบัญชีเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2554 และมีการจ่ายเงินออมเรื่อยมาจนเดือนละ 20 บาท บางรายออมเดือนละหลายร้อยบาท รวมยอดบัญชีที่ร่วมกันออมทรัพย์จากชาวบ้าน 222 รายมีมูลค่า 835,693 บาท
โดยชาวบ้านระบุว่าได้พากันออมทรัพย์ตามคำเชิญชวนของ นายสุข ราญรอน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นประธานกลุ่มเงินฝากออมทรัพย์หมู่บ้านทุ่งเจ้าเหนือ ให้ร่วมกันออมเงินที่กลุ่มดังกล่าว เพื่อออมเงินไว้ให้ลูกหลานและหากใครไม่ร่วมก็จะไม่ได้รับเงินจากโครงการหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่ได้รับเงินปันผลคืน ทำให้ชาวบ้านออกมาทวงคืน และได้ร้องเรียนต่อนายอำเภอหลายครั้งแต่ไม่ได้เป็นผลจึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุข และกรรมการรวม 11 คนในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านา ศาลได้นัดไกล่เกลี่ยแต่ปรากฎว่าคณะกรรมการกลุ่มเงินฝากฯ กลับไม่ยอมคืนเงินทั้งหมดให้ ทำให้ชาวบ้านได้รวมตัวกันเพื่อมาร้องขอความเป็นธรรม
นายกิตติพงษ์ จันทา ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้เข้าร่วมออมทรัพย์ดังกล่าวหวังจะที่เก็บเงินไว้ให้ลูกหลานเพราะแต่ละคนมีฐานะยากจน และมีอาชีพเป็นชาวนาชาวไร่ เมื่อทางผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายเชิญชวน จึงร่วมกันออมทรัพย์คนละ 20 บา จนสะสมมานานหลายปี จนได้เงินออมจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ในที่ออมทรัพย์ ก็มีการเปิดให้ชาวบ้านกู้ยืมเงินได้โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท แต่ผู้ที่กู้ไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนที่กู้ และหากพ้น 7 เดือนไปแล้วก็จะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 อีก ซึ่งชาวบ้านได้กู้รายละประมาณ 1,000-3,000 บาทเพื่อนำไปทำนาทำไร่ แต่ปรากฎว่านอกจากเงินกู้จะไม่ได้รับเต็มแล้วทั้งเงินต้นที่ออมทรัพย์ไปก็ไม่เคยได้รับคืนกัน จึงพากันไปร้องเจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ที่สุดต้องไปฟ้องศาลให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อศาลทำการไกล่เกลี่ยตามคดีนี้มีชาวบ้านฟ้องร้องจำนวน 80 คน มูลค่าความเสียหายจำนวน 466,560 บาท แต่ทางคณะกรรมการก็ต่อรองว่าจะชดใช้ให้เพียงประมาณ 200,000 บาท โดยอ้างว่ากรณีฟ้องร้องมีชาวบ้านไม่ได้ฟ้องร้องกันทั้งหมด และในจำนวนนี้ก็ยังเป็นเด็กที่พ่อแม่ไปเปิดบัญชีกลุ่มเงินฝากออมทรัพย์ให้โดยไม่ได้เป็นผู้ฟ้องร้องจริงด้วย ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าเงินที่จะไม่ชดเชยอีกประมาณ 600,000 บาทนั้นหายไปไหนและคณะกรรมการเอาไปใช้ทำอะไรเหตุใดจึงไม่ยอมนำมาคืนชาวบ้าน เพราะแต่ละคนกำลังเดือดร้อน จึงได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนดังกล่าว ถ้าชาวบ้านไปยอมรับเงินชดใช้จากคณะกรรมการเพียงแค่ 200,000 บาท ก็จะยิ่งเดือดร้อนกันหนักเพราะแต่ละคนต่างมีเงินสะสมในบัญชีไปต่าง กันไป บางคน 5,000บาท บางคนกว่าหมื่นบาท หากได้มาก็ต้องนำมาเฉลี่ยกันซึ่งไม่ครบถ้วนตามยอดเงินที่ชาวบ้านเคยจ่ายเข้าบัญชี และไม่ครบจำนวนคนทั้งหมดที่เป็นสมาชิก
สำหรับคดีดังกล่าวพบว่าศาลจังหวัดเทิง จ.เชียงราย ได้รับเป็นคดีหมายเลขดำที่ 706/2557 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยคดีถึงขั้นอัยการเป็นโจทย์ฟ้องคณะกรรมการกลุ่มเงินฝากออมทรัพย์บ้านทุ่งเจ้าเหนือทั้ง 11 คน โดยอัยการสรุปว่าทั้งหมดได้กระทำความผิดไปโดยมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดแก่ชุมชนหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีควมผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,352 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 และขอศาลได้สั่งให้จำเลยใช้เงินคืนจำนวน 466,560 บาทแก่ผู้เสียหาย ซึ่งการร้องทุกข์ของชาวบ้าน
ในครั้งนี้ทางศูนย์ดำรงค์ธรรมได้แจ้งชาวบ้านให้ส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้เจ้าหน้าที่โดยใช้เวลา 7 วัน และทางจังหวัดจะรวบรวมข้อมูลอีก 7 คน จากนั้นอีก 15 วันจะนำเข้าในการประชุมคณะกรรมการจังหวัดหรือใช้เวลาดำเนินการทั้งหมด 1 เดือน ทำให้ชาวบ้านแยกย้ายกันกลับและจะไปร้องทุกข์ที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย (กกล.รส.จทบ.ชร.) อีกทางหนึ่ง
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.