เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 22 เม.ย.58 ที่ห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ที่ 2 ศาล จ.เชียงราย ผู้พิพากษาศาล จ.เชียงราย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา กรณี นายเก่งกาจ ศรีหาสาร อดีตหัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำแม่สลอง กรมป่าไม้ เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาทต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในขณะที่นายสนธิปราศรัยที่ วัดป่าปะพงนอก จ.ระนอง เมื่อวันที่ 22 ม.ค.49 ขณะที่มีการจัดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 15 ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ นายเก่งกาจได้พาพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขึ้นไปก่อกวนบนเวที และมีการขว้างประทัดยักษ์ใส่ฝ่ายเจ้าหน้าที่จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และได้มีการฟ้องร้องจนดคียืดเยื้อถึงศาลฎีกาเนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุธรณ์ได้พิพากษาให้จำคุกนายสนธิมา แต่ก็ได้มีการอุธรณ์ เรื่อยมา
โดยการฟังคำตัดสินในครั้งนี้ ผู้พิพากษาได้แจ้งว่าการตัดสินคดีในครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้าย โดยไม่ยึดผลการตัดสินของศาลฎีกาในคดีอื่นที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าไม่เข้ากัน ซึ่งผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษา โดยมีความใจว่า “การที่นายเก่งกาจเป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายสนธิ และต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่ามีมูลจึงรับเรื่องไว้ก่อนจะมีการตัดสินว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุธรณ์คดีและศาลอุธรณ์ภาค 5 ได้พิจารณาคดีแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่มีเหตุบรรเทาโทษจึงให้ลดโทษลงเหลือจำคุกเป็นเวลา 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา สำรับกรณีศาลฎีกานั้นได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันแล้วและให้ยกฟ้อง โดยจำเลยสามารถตรวจสอบรายละเอียดของคำพิพากษาได้จากสำเนาคำตัดสินของศาลฎีกาได้ต่อไป”
ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวกลังจากฟังคำตัดสินว่า คำตัดสินของศาลในวันนี้ตนเองไม่ได้ดีใจหรือเสียใจ ที่ชนะวามในคดีนี้ เพราะก็ได้ทำใจเอาไว้แล้วตั้แต่ศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำคุกมาแล้ว ซึ่งก็พร้อมรับโทษ และจะไม่หนีไปไหน เพราะกระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งของประชาชน ซึ่งหากศาลลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิมก็ไม่มีข้อขัดแย้ง ถ้าตัดสินให้ต้องจำคุกก็พร้อมจะเดินเข้าคุกอย่างหน้าตาเฉย เพราะผมมีหน้าที่ในการต้องรักษาเอาไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมให้คงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.