เวลา 12.00 น.วันที่ 29 เม.ย.58 ที่ห้องประชุมอาคารส่งเสริมวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) คณาจารย์ และบุคลากรมหาทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มหาวิทยาลัยมังราย ในวันที่ 8 พ.ค.58 ซึ่งจะเป็นการนำ มรช.ออกนอกระบบราชการ โดยมี ผศ.ดร.วัฒนา ยืนยง รองอธิการบดี มรช.พร้อมด้วยอาจารย์และพนักงานที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของฝ่ายบริหารได้จัดประชุมกันที่ห้องประชุมอาคารส่งเสริมวิชาการเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านต่ออธิการบดี
จกนั้น ผศ.ดร.ทศพล อารีนิจ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้เดินทางมายังที่ประชุม เพื่อรับฟังข้อคัดค้านดังกล่าว โดย ได้มีการอ่านข้อคัดค้าน โดยมีเนื้อหาว่าสำคัญ “การที่อธิการบดีกำลังดำเนินการเปลี่ยนสถานภาพของมหาวิทยาลัยเป็นส่วนราชการให้ออกนอกระบบราชการไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐอย่างรีบเร่งเกินความจำเป็น โดยได้มีการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ( พ.นร.บ.) มหาวิทยาลัยมังรายขึ้นมาแล้ว ในฐานะข้าราชการ พนักงาน ใน มรช.และประชาชนชาวเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงตามชื่อที่ส่งมาด้วยไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวและขอคัดค้าน เนื่องจากทุกฝ่ายยังไม่มีการเตรียมความ
พร้อมในเรื่องนี้มาก่อน และเห็นว่าการออกนอกระบบทำให้มหาวิทยาลัยต้องแบกรับภาระในทุกด้านสูงมาก ขณะที่มหาวิทยาลัยไม่มีแหล่งรายได้อื่นเลย เงินทุนก็ไม่เพียงพอ อาจทำให้ต้องขึ้นค่าเล่าเรียนกับนักศึกษาซึ่งจะเป็นการตัดโอกาสทางการศึกษาของประชาชนได้ ดังนั้นจึงขอให้ยุติการดำเนินการโดยทันทีและเตรียมควสฃามพร้อมอีกประมาณ 5-10 ปีเป็นอย่างน้อย
ผศ.รศ.วัฒนา ยืนยง กล่าวว่า การแสดงออกในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการคัดค้านการนำ มรช.ออกนอกระบบแต่ไม่เห็นด้วยที่จะนำออกนอกระบบอย่างรวดเร็ว แต่ต้องการให้มีการนำข้อมูลต่างๆ มาปรึกษาหารือกันภายในมหาวิทยาลัยรวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ก่อนดำเนินการ เบื้องต้นก็จะมีการขอให้ทางฝ่ายบริหารได้ชะลอการดำเนินการไปก่อนดังกล่าว
หลังจากที่ได้รับฟังข้อคัดค้านแล้ว ผศ.ดร.ทศพล ได้รับหนังสือจากกลุ่มผู้บริหารและอาจารย์ ที่ไม่เห็นด้วย โดยทางอธิการบดีฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว ระบุเพียงว่าจะนำข้อเสนอไปหารือและจะไม่นำรายชื่อที่แนบประกอบการยื่นหนังสือไปด้วยเพราะต่างเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น สำหรับเนื้อหาของหนังสือที่มีการยื่นให้ก็จะรีบนำไปพิจารณาแต่ยืนยันว่าสิ่งที่ดำเนินการไม่ใช่อยากทำสิ่งใดก็ทำแต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและยังมีขั้นตอนการดำเนินการอีกยาวนาน เมื่อมีความห่วงใยกันเก็ถือว่ามีความสำคัญและการทอดเวลาออกไปจึงเป็นความจำเป็น
สำหรับบุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เห็นว่า กาารที่จะอกนอกระบบของ มรช.นั้น ควรจะทำประชาพิจารณ์เสียก่อนเพื่อจะได้ทราบถึงความเห็นของบุคลากรในส่วนใหญ่ เนื่องจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้โอกาศประชาชน ซึ่งหากออกนอกระบบแล้ว ภาระที่เกิดขึ้นอาจจะตกไปสู่นักศึกษาเอง ซึ่งจะต้องรับภาระค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้นโดยที่ผ่านมา ค่าเล่าเรียนในแต่ละภาคเรียนอยู่ที่่ ประมาณ 4,500 -5,000 บาท ซึ่งหากออกนอกระบบแล้วค่าเล่าเรียนอาจจะสูงขึ้นเหมือนมหาวิทยาลัยเอนทั่วไป ซึ่งอาจจะสูงถึงประมาณ 20,000 -30,000 บาทต่อภาคเรียน ซึ่งทางอธิการฯ มีโครงการที่จะก่อสร้างโรงแรมและห้างสรรพสินค้าเพื่อที่จะหางบประมาณในการบริหาร เพื่อลดภาระที่จะตกไปอยู่กบนักศึกษา ซึ่งทางบุคลากรเห็นว่าสถาบันการศึกษานั้นไม่ควรที่สะมีห้างสรรสินค้าและโรงแรมเข้ามาอยู่ร่วมด้วย และหากเกิดขึ้นจริง ไม่เพียงแต่นักศึกษาและบุคลากร ที่จะได้รับผลกระทบ แต่จะส่งผลกระทบถึงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ด้วย ซึ่งจะต้องทำประชาพิจารณ์ทั้งบุคลากรที่อยู่กับเสมือนครอบครัว และประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.