วันที่ 13 มี.ค.64 หลังจากเกิดสถานการณ์การชุมนุมประท้วงในประเทศเมียนมาในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้ามกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่าชาวเมียนมายังคงพยายามออกมาแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะถูกปราบปรามหนักจนไม่สามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ได้เหมือนเดิม โดยรวมกันเป็นกลุ่มเล็ก นำป้ายข้อความคัดค้านการปกครองของรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารของกองทัพ พร้อมกับตะโกนส่งเสียง ก่อนจะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
แหล่งข่าวในท่าขี้เหล็กเปิดเผยว่า สถานการณ์เริ่มแย่ลงเพราะหลังมีการปราบปรามการชุมนุมทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นโรงพยาบาลที่เคยให้การสนับสนุนผู้ชุมนุม ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ ได้หลบหนีไป ในช่วงเวลากลางคืนจะมีตำรวจและทหารนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเพื่อค้นหาผู้ที่ออกมาร่วมชุมนุม รวมทั้งตรวจหาบุคคลที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ทำให้เกิดสภาวะกดดัน ซึ่งอาจจะมีบางส่วนพยายามจะลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทยได้
โดยสถานการณ์ดังกล่าว ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง นำโดย พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ จังหวัดเชียงราย มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.แม่สาย และหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการเตรียมพร้อม รับมือสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้มีการจัดเตรียมแผนเพื่อรองรับกรณีอาจมีชาวเมียนมาหลบหนีการปราบปรามเข้าสู่ประเทศไทย
โดยได้มีการจัดเตรียมสถานที่เพื่อไว้ใช้รองรับผู้คนหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น โดยได้กำหนดผู้ที่อาจจะหลบหนีเข้ามาเป็น 4 ประเภทคือ 1.กลุ่มชาวเมียนมาทั่วไป 2.กลุ่มชาวเมียนมาที่เป็นระดับแกนนำหรือผู้ที่ไม่สามารถกลับประเทศโดยจะขอลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งทางการไทยก็จะจัดสถานที่ให้ตามหลักสิทธิมนุษยชนและติดต่อประเทศปลายทาง 3.กลุ่มชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวเมียนมา จะได้รับการช่วยเหลือเพื่อให้สามารถกลับคืนสู่ประเทศตัวเองได้ตามปกติ 4.สุดท้ายคือผู้ที่อาจจะเข้ามาในฐานะคนไทยที่เคยอยู่ในประเทศเมียนมาซึ่งก็จะได้รับการช่วยเหลือในฐานะคนไทยตามปกติ