วันที่ 26 ธันวาคม 2566 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานเปิดโครงการอาสาสมัครฉุกเฉินชุมชน กิจกรรมจัดทำบันทึกข้อตกลงการดำเนินงานและบริหารจัดการระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการการแพทย์ฉุกเฉิน จ.เชียงใหม่ (ศูนย์เอราวัณ)
โดยมีเรืออากาศเอก นพ.อัจริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินการแพทย์แห่งชาติ (สพฉ.) นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงษ์อดิษศร หรือ ส.ว.ก๊องนายก อบจ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.สมชาย เขียวจักร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ร่วมลงนามดังกล่าว มีคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา ผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ข้าราชการ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ชีพและกู้ภัย เข้าร่วมจำนวนมาก
นายพิชัย กล่าวว่า อบจ.เชียงใหม่ เป็น1 ใน 17 จังหวัดนำรองทำบันทึกข้อตกลงและเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการการแพทย์ฉุกเฉิน กับ สพฉ. กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้นามเรียกขานศูนย์เอราวัณ ซึ่ง อบจ. เป็น 1 ใน 49 จังหวัดรับถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน รวม 69 แห่ง จาก267 แห่งแล้ว และพัฒนาเป็นศูนย์รักษาแพทย์ทางไกล หรือ CUP จำนวน 10 อำเภอ ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศ
โดยมีแผนจัดซื้อรถพยาบาล หรือรถกู้และอุปกรณ์ 10 คัน ๆ ละ 2.5 ล้านบาทรวม 25 ล้านบาท เพื่อบริการประชาชนที่อยู่ห่างไกล ภายในปีหน้า ทั้งศูนย์รับแจ้งเหตุได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน เฉลี่ยวันละ 300 รายด้วย
เรืออากาศเอก นพ.อัจริยะ กล่าวว่า อบจ.เชียงใหม่ ถือเป็น อปท.ที่มีศักยภาพเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการแพทย์ฉุกเฉินเนื่องจากมีความพร้อมทุกด้าน และมีบุคลากรทางการแพทย์ หรือ รพ.สต.รองรับซึ่ง สพฉ.พร้อมสนับสนุนการแพทย์ฉุกเฉินแก่ อบจ. ภายใต้การช่วยเหลือ 3ช่องทาง คือ งบประมาณ อบจ. กองทุนสนับสนุนการแพทย์ฉุกเฉิน และงบอุดหนุนเฉพาะกิจจากสำนักงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนการบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”ภาพรวมการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินให้บริการประชาชนได้เพียง 45%ของพื้นที่ทั้งประเทศ ยังเหลืออีก 55%ที่ต้องพัฒนาและขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั้งประเทศ โดยรัฐบาลและทุกภาคส่วน ต้องระดมทรัพยากรสนับสนุนมากขึ้น
โดยเสนอแผนขยายพื้นที่บริการทั่วประเทศแก่ สพฉ. เพื่อนำเสนอ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม ) พิจารณา คาดใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 5 ปี “เรืออากาศเอก รพ.อัจริยะ กล่าว
เรืออากาศเอก นพ.อัจริยะ กล่าวอีกว่า ไม่ใช่เฉพาะเทศกาลปีใหม่ ที่ สพฉ.และอาสามัครกู้ชีพ-กู้ภัย ต้องรับมือผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตจากเทศกาลดังกล่าวเพราะต้องแบกรับสถานการณ์เหตุฉุกเฉินทุกวัน แต่ช่วงปีใหม่ อาจมีเหตุฉุกเฉินและอุบัติเหตุมากกว่าเท่านั้นทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานหนักและเหนื่อยมากขึ้น ดังนั้นทุกฝ่ายต้องรับมือป้องกันและลดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด อาทิ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เมาไม่ขับ ถ้าง่วงให้หยุดรถเพื่อพักผ่อน มีน้ำใจขับขี่ และปฏิบัติตามกฏจราจร เชิ่อว่าลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้มาก ส่วนผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษา เชื่อว่ามีเตียงรองรับอย่างเพียงพอ สามารถกระจายผู้บาดเจ็บไปรักษาโรงพยาบาลใกล้เคียงได้ ไม่น่าเป็นห่วงอะไร ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน-อุบัติเหตุหรือโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา ให้แจ้งที่หมายเลข 1669 ทันที