รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ จ.เชียงราย พบปะเยี่ยมเยือนหนึ่งในว่าแคนดิเดตตัวแทนพรรคในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ปี 70

 

วันที่ 12 พ.ค. 68 ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม X-ARENA ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไดัมาเยี่ยมเยือนทีมฟุตบอลอาวุโสจังหวัดเชียงรายและพูดคุยกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยมีนายผจญ ใจกล้า อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เขตพื้นที่ อ.แม่จัน และทีมงาน ร่วมให้การต้อนรับ

นายสุรเดช กล่าวถึงภารกิจในวันนี้ว่า ตนมีภารกิจที่ จ.พะเยา ในการไปใช้สิทธิ์ตามหน้าที่ของพลเมืองไทยที่ดี ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็เลยถือโอกาสมาลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยือนประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงราย ก่อนที่จะขึ้นเครื่องที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง ซึ่งวันนี้ได้มาพบปะกับทีมฟุตบอลอาวุโสของ จ.เชียงราย ที่เป็นการรวมตัวของผู้คนหลากหลายอาชีพ โดยการแนะนำของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ก็คือนายผจญ ใจกล้า ซึ่งในอดีตเคยดำรงตำแหน่งเป็นสาธารณสุขอำเภอแม่จัน และยังเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ และในปัจจุบันท่านก็กำลังได้รับการพิจารณาคุณสมบัติเพื่อที่จะเป็นตัวแทนของพรรคที่จะลงสมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 1 ในปี 2570 ที่จะมาถึง และตนก็ถือโอกาสมาสำรวจพื้นที่ไปในตัวด้วย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้บรรยากาศการเมืองก็ค่อนข้างยุ่งอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน

รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวอีกว่า ตนรับหน้าที่ดูแลคัดเลือกผู้สมัครในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมทั้งหมด 34 เขตเลือกตั้ง เราจำเป็นต้องคัดคนที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถส่งลงสนามสู้ศึกเลือกตั้งได้

เกี่ยวกับประเด็นที่ทางรัฐบาลจะมีการปรับ ครม. และอาจจะมีการดึงพรรค พปชร. เข้าไปร่วมเป็นรัฐบาลนั้น ทางรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้จะต้องฟังความเห็นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคเคยบอกชัดเจนว่าท่านไม่เอาคาสิโน และพวกเราในพรรคก็เห็นชอบว่าไม่เอาคาสิโนด้วย เรายืนยันตรงจุดนี้ ซึ่งเราที่ไม่เอาคาสิโนแต่จะให้เราไปร่วมรัฐบาลด้วย แล้วเราจะทำยังไง และเราก็คงไม่ยกมือให้ในประเด็นนี้ ซึ่งทางหัวหน้าพรรคท่านได้ตอบสื่อไปบ้างแล้วว่าท่านไม่ต้องการร่วมด้วย แต่ถ้าทางรัฐบาลไม่เอาคาสิโนก็อาจจะมีความเป็นไปได้ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

สำหรับประเด็นที่มีกระแสข่าวออกมาว่าบิ๊กป้อมจะไปเป็นนายกรัฐมนตรี นายสุรเดชกล่าวว่า ตนยังเคยไม่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะระยะนี้ตนใช้เวลาอยู่ที่ภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ แต่ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมพรรค ตนก็อาจจะถือโอกาสสอบถามกับหัวหน้าพรรคเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ตนเชื่อว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่ทางผู้นำพรรค

นายสุรเดช เผยต่อว่า ตนนับถือ พล.อ.ประวิตร เพราะเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และทำงานปิดทองกลังพระมาเยอะ ทำอะไรให้ประเทศชาติมาเยอะ แต่ท่านก็ไม่เคยเอามาพูด ตามวิสัยของทหาร แต่ตนบอกว่าสมัยนี้มันไม่ได้แล้ว เราทำอะไรเพื่อประชาชนเราก็จฝต้องประกาศให้เขารู้ ตนเชื่อว่าหัวหน้าพรรคซึ่งเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล จะตัดสินใจทำอะไรได้อย่างถูกต้อง

“ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐ ได้เปลี่ยนรูปโฉมใหม่ มีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็นรูปพลวัต ซึ่งรูปร่างคล้ายกับกังหัน ประกอบด้วยสีน้ำเงิน ขาว แดง มีความสวยงาม และมีความหมายที่ดี เรามุ่งเน้นดูแลความเดือดร้อนของประชาชน ดูแลปากท้องประชาชน ตามสโลแกนพรรคอันใหม่ที่ว่า “อนุรักษ์นิยมทันสมัย” คือพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่เน้นอนุรักษ์นิยม ดูแลทุกข์สุขประชาชน อีกคำหนึ่งก็คือ “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส” ยุคนี้เป็นยุคดิจิตอลแล้ว เราจะต้องทันสมัยตลอดเวลา ทีมงานของเราทันสมัยกันหมด เรามีศักยภาพพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล พร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชน” นายสุรเดช กล่าว

ด้านนายผจญ ใจกล้า อดีตสาธารณสุขอำเภอแม่จัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรค พปชร.เชียงราย เขต 1 เผยว่า วันนี้เป็นวันฝึกซ้อมฟุตบอลของทีมฟุตบอลอาวุโสเชียงราย และได้รับเกียรติจากทางรองหัวหน้าพรรค พปชร. ที่ได้มาลงพื้นที่เยี่ยมเยือน ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านได้แวะมา

นายผจญ กล่าวอีกกว่า ตนเป็นสมาชิกพรรค พปชร. มาตั้งแต่ปี 2561 และไม่เคยเปลี่ยนใจ เพราะอุดมการณ์ตนอยู่กับทางพรรมาโดยตลอด เคยมีโอกาสได้ลงสมัคร ส.ส. ในปี 62 เขตเดียวกับ ส.ส.ละออง ติยะไพรัช และได้อันดับที่ 3 พ่ายแพ้ให้กับทางพรรคเพื่อไทยที่มี ส.ส.ละออง เป็นตัวแทนพรรค แต่หลังจากนั้นตนก็ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด และก็มีคนมาชักชวนไปอยู่พรรคอื่นอยู่ แต่ตนบอกว่าถ้าจะไปก็ต่อเมื่ออุดมการณ์ตรงกันเท่านั้น และมาเห็นการเปลี่ยนแปลงของพรรค พปชร. ในยุคนี้ ซึ่งค่อนข้างที่จะชัดเจนทั้งเรื่องวิสัยทัศน์และนโยบายของพรรค เรื่องการปกป้องสถาบัน ซึ่งตนชื่นชอบมากอยู่แล้ว ตนมองว่าสังคมทุกวันนี้ค่อนข้างจะแตกแยกเป็นอย่างมาก เราจะทำอย่างไรให้คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ซึ่งนโยบายพรรคที่ออกมาก็ค่อนข้างที่จะตรงใจกับตน

“ตนและครอบครัวได้คุยกันว่า หากทางพรรคให้โอกาสในการลงรับสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง ตนก็จะสู้ให้เต็มที่ และจะได้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งก็ต้องฝากทางรองหัวหน้าพรรคช่วยพิจารณาตนด้วย” นายผจญ กล่าว

ก่อนที่นายสุรเดชจะเดินทางไปสนามบินแม่ฟ้าหลวง ก็ได้ไปแวะดูการฝึกซ้อมของทีมฟุตบอล และร่วมให้เกียรติเป็นผู้เขี่ยลูกฟุตบอลเริ่มการฝึกซ้อมแข่งขันอีกด้วย