ส.ส.เพื่อไทย ฝากถึง ภท.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านป้ายแดงให้ดี ยืนยันรอยร้าวครั้งนี้บทเรียนราคาแพงของ “อนุทิน” ที่ไม่มีวันที่จะหวนกลับมาจับมือ พท.ได้อีกแล้ว หนุน”อุ้งอิ้ง”ปรับ ครม.แม้เสียงจะปิ่มน้ำ แต่ “ลุงตู่”เคยผ่านมาแล้วและอยู่จนครบเทอม

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 มิ.ย.2568 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย ภายในหมู่บ้านเลคไซค์วิลล์ ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ที่ จ.ขอนแก่นว่า ถึงเวลาที่พรรคภูมิใจไทย จะไปเป็นฝ่ายค้านป้ายแดงตามที่ตั้งใจไว้และหลายท่านได้ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปขอส่งกำลังใจให้พรรคฝ่ายค้านป้ายแดงได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งประชาชนแม้กระทั่งคนในพรรคภูมิใจไทยก็ทราบอยู่แล้วว่าขณะนี้พรรคเจอเรื่องอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขากระโดง,การบุกรุกที่ดินที่เขาใหญ่,ประเด็นฮั้ว สว.และล่าสุดคือเรืองการนำถนนมาทำสนามบิน ดังนั้นการตัดสินใจของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มาประกาฟศไม่ร่วมรัฐบาลและขอไปเป็นฝ่ายค้าน จะเป็นบทเรียนราคาแพง ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจในครั้งนี้

“โดยส่วนตัวเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะทำหน้าที่ฝ่ายค้ายได้ดีเพราะชอบบอกว่าพูดแล้วทำ และถือเป็นฝ่ายค้านป้ายแดง ที่กระแสจุดไม่ติดเนื่องจากพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาก่อนดังนั้นวันนี้เมื่อคุณอนุทินได้ตัดสินใจแล้ว ก็ต้องรับให้ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และมั่นใจว่ารอยร้าวครั้งนี้จะกลับมาจุดติดหรือกลับมาร่วมงานกันได้อีกแล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็พร้อมที่จะเดินหน้าและก้าวผ่านความขัดแย้ง ด้วยการตัดสินใจปรับ ครม.ในเร็วๆนี้”

รศ.นพ.เชิดชัย กล่าวว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ หลายคนมาบอกว่ารัฐบาลจะเสียวปริ่มน้ำแต่ก็หลายสิบเสียง และอย่าลืมว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา เคยจัดตั้งรัฐบาลมสแล้วด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียง 3 คะแนนและอยู่กันจนครบเทอม ดังนั้นวันนี้ นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาอะไรมากมากมีภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งขึ้นพร้อมที่จะเดินหน้านำพาประเทศของเราต่อไปด้วยการปรับ ครม.โดยมีคณะทำงานและพรรคร่วมรัฐบาลที่ทุกคนพอจะทราบกันแล้วว่ามีพรรคการเมืองใดที่พร้อมมาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนจากนี้ต่อไป

“เราเคยได้ยินแต่คำว่าการแสดงออกด้วยการเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความรับผิดชอบ กล่าวคำขอโทษและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งถือเป็นการแสดงออกของการเป็นผู้นำ เป็นสุภาพสตรี ที่ผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มาแล้วดังนั้นจากนี้ไปคือการบริหารประเทศกับ ครม.ชุดใหม่เพื่อแก้ปัญหาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีนั้น มีสติ สงบ สยบทุกความเคลื่อนไหวทำหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป และที่สำคัญเราแทบจะไม่เห็นผู้นำประเทศใด ที่ยกมือไหว้และกล่าวคำขอโทษแม่ทัพทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนอบน้อม การไม่ถือยศตำแหย่ง การยอมรับในสิ่งที่ทำลงไปและต้องการประสานพลังร่วมทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาและนำพาประเทศนั้นเดินหน้าต่อไป”