วันที่ 25 มิย.68 เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children Thailand) และพันธมิตรในพื้นที่ชายแดนใต้ ได้ประกาศผลสำเร็จของโครงการ“การพัฒนาแผนรับมือและการคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระยะที่ 2”ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีในจังหวัดยะลา ครอบคลุม 6 ชุมชนและ 7 โรงเรียน โดยครั้งนี้ ได้ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านซีเยาะ ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา จัดเวทีเสวนา สะท้อนบทเรียนจากผู้แทนชุมชนและหน่วยงาน ตลอดจนกิจกรรม Simulation Drill : การรับมือภัยพิบัติร่วมกับเด็กและชุมชน ซึ่งกิจกรรมสำคัญในวันนี้คือการได้จำลองเหตุการณ์ภัยพิบัติด้านความมั่นคง มีการสมมุติเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณใกล้กับโรงเรียนและการอพยพนักเรียนไปอยู่ในที่ปลอดภัย
นางสาวปานฝัน ประโมจนีย์ Save the children กล่าวว่า จากการดำเนินงานของ Save the Children ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เราได้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถดำเนินการได้โดยลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ซึ่งโครงการนำประสบการณ์และบทเรียนจากการทำงานในพื้นที่มาพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ในระดับจังหวัด ประเทศ และภูมิภาคอาเซียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เป้าหมายสำคัญคือการผลักดันให้ “การคุ้มครองเด็กในสถานการณ์ฉุกเฉิน” กลายเป็นประเด็นที่ทุกระดับให้ความสำคัญอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการสร้างบทบาทนำของเด็กและเยาวชนในการวางแผนและรับมือภัยพิบัติ การผนวกแผนรับมือภัยพิบัติเข้าไว้ในระบบโรงเรียนและชุมชน และการเสริมสร้างบทบาทของอาสาสาสมัครท้องถิ่น การลงทุนอย่างต่อเนื่องในระบบเตรียมความพร้อมจะช่วยสร้างระบบการคุ้มครองเด็กที่เข้มแข็งและครอบคลุม เพื่อปกป้องเด็กทุกคนจากความเสี่ยงในอนาคต
ขณะที่ นางสาวอาลิซ่า สฤษดิ์การี ผู้ประสานงานโครงการ ECHO เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก กล่าวว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้และถือเป็นบทเรียนสำคัญคือ “ความร่วมมือ” โรงเรียน และหน่วยงานภาครัฐ หรือแม้แต่เครือข่ายชุมชน ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง และให้ความช่วยเหลือในหลายมิติ ซึ่งทำให้การดำเนินงานสามารถเข้าถึงระดับพื้นที่ได้อย่างลึกซึ้ง การร่วมมือในลักษณะนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังนำไปสู่การเกิด “นวัตกรรม” ที่ตอบโจทย์พื้นที่ได้จริง ทั้งในระดับโรงเรียนและระดับชุมชน ตัวอย่างที่เรานำมาเสนอในวันนี้ก็เป็นผลลัพธ์หนึ่งจากการร่วมมือกันของภาคีเหล่านี้ ที่ร่วมกันรับผิดชอบและใส่ใจในบริบทของพื้นที่อย่างแท้จริง สำหรับการต่อยอด เราจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มภาคีในพื้นที่ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน หากหน่วยงานในพื้นที่มีความต้องการด้านวิทยากร หรือสนใจนำนวัตกรรมไปใช้หรือพัฒนาต่อ ทางเราก็พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เป้าหมายสำคัญของการทำงานร่วมกันเหล่านี้ คือการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชน รวมถึงการสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นกับเด็กในพื้นที่อย่างยั่งยืน