ตำรวจหนองเรือแจ้งข้อหากลุ่มวัยรุ่น 5 คนดักรุมทำร้ายนักท่องเที่ยวหน้าร้านเหล้า ที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามตัวสอบสวน ส่วนสาเหตุหึงหวงหลังแฟนตัวเองไปเต้นยั่วหน้าเวที

จากกรณีที่โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย นายสุพัฒน์พงษ์ พิกาศ อายุ 26 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกหน้าหักเนื่องจากถูกไม้เบสบอลกระหน่ำตีซ้ำ ยังไม่ได้สตินอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่น และยังได้ทำร้าย น.ส.รุ่งนภา บุญเขื่อง อายุ 27 ปี แฟนสาวของนายสุพัฒน์พงษ์ รุมเตะซ้ำที่ศีรษะยังต้องรอดูอาการเนื่องจากยังระบมและปวดอยู่ และเป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือมายังผู้สื่อข่าวให้ช่วยติดตามให้ความเป็นธรรมและให้คนผิดมารับผิดชอบ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 ส.ค. 2568 ที่สภ.หนองเรือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุทำร้ายนายสุพัฒน์พงษ์ พิกาศ อายุ 26 ปีและแฟนสาว เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ พร้อมทั้งเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยตามขั้นตอน ซึ่งในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในห้องพนักงานสอบสวนนั้น โดยมีทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุ ประกอบด้วยนายณรงค์ฤทธิ์ สวัสดี อายุ 30 ปี และแฟนสาว คือ น.ส.กรวิกา น้อยคูณ อายุ 31 ปี ที่ทะเลาะกันแล้วฝ่ายชายหึงหวง พร้อมด้วยเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุอีก 3 คน เป็นชาย 2 คน คือคนที่ถือไม้เบสบอลในคลิปวงจรปิด และนาย โอม คนที่ทักแชทมาเคลียร์กับผู้บาดเจ็บและน้องสาวของผู้ก่อเหตุที่ใช้รองเท้าฟาดหน้าคนเจ็บตอนสลบกลางถนน

ส่วนฝ่ายผู้บาดเจ็บ มี น.ส.รุ่งนภา บุญเขื่อง แฟนสาวคนเจ็บและถูกรุมทำร้ายในเหตุการณ์ด้วย โดยมีแม่ของ น.ส.รุ่งนภา ร่วมฟังและไกล่เกลี่ยด้วย ซึ่งบรรยากาศในห้องไกล่เกลี่ยนั้น แม่ของผู้บาดเจ็บเกิดความโมโห สอบถามกลุ่มคนก่อเหตุว่าทำไมถึงมาทำร้ายลูกชายจนอาการสาหัสปางตาย แต่ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุอ้างว่าผู้บาดเจ็บเอาขวดมาทำร้ายในร้านก่อน และแฟนสาวคนเจ็บก็มาเต้นชน จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้นทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ ก่อนที่ทางพนักงานสอบสวนจะคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

น.ส.รุ่งนภา กล่าวว่า การพูดคุยวันนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ และตนเองยืนยันไม่ขอยอมจะขอดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ซึ่งจากการถามหาสาเหตุที่มาทำร้ายตนเองกับแฟนนั้น คนก่อเหตุบอกว่าพวกตนเองเป็นคนเริ่มก่อน ซึ่งเป็นเพียงแค่การพูดลอยๆไม่มีหลักฐานอะไร โดยบอกว่าแฟนตนเองเอาขวดโค้กมาปาหัวคนก่อเหตุก่อนที่หน้าเวที ทั้งที่แฟนตนเองนั่งอยู่ที่โต๊ะตลอด ซึ่งมีวงจรปิดในร้านบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานไม่มีการปาขวดหรือเดินไปหาใคร ส่วนน.ส.กรวิภา แฟนของนายณรงค์ฤทธิ์ บอกว่า ตนเองไปเต้นเบียดอยู่หน้าเวทีจึงไม่พอใจ จึงมารุมทำร้ายตนเอง และแม่ของแฟนตนเองได้ถามกลุ่มคนก่อเหตุว่าทำไมต้องทำร้ายหนักขนาดนั้น สลบแล้วก็ไม่มีใครห้ามใครทั้งผู้ชายผู้หญิง ซึ่งผู้ก่อเหตุก็พูดเพียงว่าขอโทษไม่ได้ตั้งใจ

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามไปสอบถามถึงสาเหตุกับกลุ่มผู้ก่อเหตุว่าสาเหตุที่ลงมือทำร้ายทั้งคู่นั้นมาจากสาเหตุอะไร โดยผู้ก่อเหตุปฏิเสธที่จะพูดคุยกับผู้สื่อข่าว แต่จากการสอบถาม นายณรงค์ฤทธิ์ ที่เกิดความหึงหวงแฟนจนเป็นชนวนเหตุดังกล่าว บอกเพียงว่าไม่ได้ตั้งใจขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ในส่วนของกลุ่มผู้ก่อเหตุคนอื่นๆต่างบ่ายเบี่ยงไม่ให้ข้อมูลและรีบหลบกล้องผู้สื่อข่าวทั้งอ้างว่ายังเรียนอยู่ ทั้งบอกว่าเป็นเยาวชน และหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุยังบอกอีกว่าไม่ถ่ายได้ไหมเพราะปวดหัว

ขณะเดียวกันบรรยากาศที่โรงพักช่วงที่ตำรวจทำการสอบปากคำพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ก่อเหตุนั้น กลุ่มเพื่อนเพื่อนของผู้บาดเจ็บได้เดินทางมาดูหน้าของพวกผู้ก่อเหตุ และพยายามเข้าไปถามว่าทำไมจะต้องมาทำร้ายเพื่อนตนเอง โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรีบเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที ท่ามกลางเสียงด่าทอของเพื่อนผู้บาดเจ็บที่โกรธแค้น

ด้านพ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุ ทางตำรวจได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวนแล้วบางส่วน โดยเบื้องต้นมี 5 คนที่ปรากฎในคลิปวงจรปิดว่ามีการทำร้ายร่างกายนายสุพัฒพงษ์ โดยเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาว อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ส่วนคนอื่นๆก็จะมีการติดตามตัวมาสอบปากคำทั้งหมด โดยภายหลังการสอบสวนได้มีการแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในเบื้องต้น 5 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนในภาพรวมทั้งหมด

“จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ทั้งสองฝ่ายต่างมาเที่ยวที่ร้านดังกล่าว และไม่ได้มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันภายในร้าน แต่ผู้ก่อเหตุซึ่งมากับภรรยาและพวก เกิดหึฃหวงภรรยาที่ไปเต้นหน้าเวทีจนเกินงาม และเข้าใจว่าผู้บาดเจ็บจะมายุ่งเกี่ยวกับภรรยาตัวเอง ทั้งยังทะเลาะมีปากเสียงกับภรรยาต่อว่าว่าไปเต้นอ่อยมันทำไม โดยภายหลังจากที่ร้านปิดให้บริการ กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังอยู่ที่หน้าร้านไม่ยอมกลับและมีปากเสียงกัน จนกระทั่งผู้บาดเจ็บเดินออกมาทางกลุ่มผู้ก่อเหตุจึงเข้าไปรุมทำร้ายดังกล่าวทันทีอย่างไรก็ตามในส่วนของทางคดีนั้น ทางตำรวจก็จะมีการติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาสอบสวน หากใครมีส่วนร่วมในการกระทำผิดไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็จะมีการแจ้งข้อหาเดียวกัน ในส่วนการพยายามฆ่านั้น จากหลักฐานวงจรปิดพบว่า ผู้บาดเจ็บถูกต่อยจนล้มลงกับพื้น และสลบไป พน้อมกับถูกทำร้ายซ้ำด้วยมือและเท้า แต่ที่ปรากฎในกล้องว่ามีไม้เบสบอลนั้นยังไม่ปรากฎว่าผู้ก่อเหตุนำมาทำร้ายร่างกาย พบเพียงว่าถือไม้แกว่งไปมาเท่านั้น”