ที่ บ้านปรามะ หมู่ที่ 13 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ประชาชนในพื้นที่ ร่วมเวทีประชาคมพื้นที่หมู่บ้านปลอดพืชกระท่อม ที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ นายอิรฟาน ดอเลาะ ปลัดเทศบาลเมืองสะเตงนอก นายอมร นิลรัตน์ รองปลัดเทศบาลเมืองสะเตงนอก นายหัสนี เจะนิ ผู้อำนวยการกลุ่มงานอํานวยการและบริหาร กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. นายอาหะมะ อะแด ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 13 นายฮาฟีฟ ขุนตามา สมาชิกสภาเทศบาล เขต 3 นางรัชนี กาญจนานุชิต เลขานายกเทศมนตรี มาให้ข้อมูลและชี้แจงแผนการสนับสนุนการส่งเสริมอาชีพพื้นที่หมู่บ้านปลอดพืชกระท่อม นอกจากนี้ ผู้ใหญ่บ้าน แกนนำชุมชน ผู้นำศาสนา ได้ร่วมแสดงทัศนด้านปัญหาพืชกระท่อมในหมู่บ้านอีกด้วย
นางสาวรอฮานี ยะยือริ ประชาชนในหมู่บ้าน กล่าวว่า ในปัจจุบันพบว่า วัยรุ่นจำนวนหนึ่งนำใบกระท่อมไปผสมกับสารอื่นๆ จนกลายเป็นเครื่องดื่มมึนเมาและก่อให้เกิดการเสพติด ส่งผลให้ไม่ทำงานทำการ และก่อความเดือดร้อนให้กับชุมชน ทุกวันนี้เริ่มมีปัญหาการลักขโมยเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ไม่อยากให้สิ่งเสพติดพวกนี้มีอยู่ในพื้นที่เลย เพราะมันเป็นภัยต่อสังคมและทุกคนในชุมชน
นายอาหะมะ อะแด ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า วันนี้ได้มีตัวแทนจากหลายภาคส่วนมาร่วมกันปรึกษาหารือ จะทำอย่างไรให้ไม่มียาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายปกครองร่วมกับหลายภาคส่วนได้ช่วยกัน ถามชาวบ้าน ถามกลุ่มแม่บ้าน ก็ไม่อยากให้เกิดการระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ทางหน่วยงานได้มีการทำงานเชิงรุก หาเป้าหมายที่ติดยาและส่งไปยังสถานบำบัด อยากให้รัฐบาลแก้ไขอย่างจริงจัง
ด้าน นายอิรฟาน ดอเลาะ ปลัดเทศบาลเมืองสะเตงนอก กล่าวว่า ในเรื่องของการขับเคลื่อนพืชกระท่อมซึ่งระบาดเป็นอย่างมาก เป็นภัยที่ใกล้ตัว ทุกพื้นที่มีปัญหาเรื่องนี้ จึงมีการไปรับฟังความคิดเห็นของชุมชนโดยเฉพาะแกนนำของหมู่บ้าน ฝ่ายปกครอง ผู้นำศาสนา ที่มีการจำหน่ายพืชกระท่อมอย่างเสรีในชุมชน หากไม่ยอมรับก็จะต้องออกมาตรการทางสังคม โดยกำหนดเป็นฮูกุมปากัต หรือกฎของหมู่บ้านของชุมชน แสดงออกถึงการต่อต้าน แสดงถึงความไม่เห็นด้วย ที่จะมีการจำหน่ายพืชกระท่อมในชุมชนอย่างเสรี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ขับเคลื่อนนโยบาย “120 วัน วาระพืชกระท่อม”สำหรับการขับเคลื่อนพื้นที่หมู่บ้านปลอดพืชกระท่อมที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “120 วัน วาระพืชกระท่อม” ซึ่งแม้กระท่อมจะเป็นพืชที่ถูกกฎหมายแต่กลับมีการนำไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งต้องอาศัยพลังชุมชนและพลังทางสังคม ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และที่สำคัญที่สุดคือประชาชน