ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี นายธีรวิทธ์ เฑียมขโรจ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. พร้อมด้วยนายอิบรอเหม เบ็ญนา หัวหน้าสำนักงานเลขานุการผู้อำนวยการ กสม. ศอ.บต. ได้เดินทางเข้าพบและหารือกับนางฟาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อร่วมกำหนดแนวทางขับเคลื่อน ปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อมใช้ในทางที่ผิด ซึ่งถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ต้องการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ โดยเฉพาะการบริโภคน้ำกระท่อมที่กำลังขยายวงกว้างในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
การหารือครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้เสนอแผนรูปแบบการจัดอบรมบำบัดผู้ติดยาเสพติดในระยะเวลา 40 วัน โดยคัดเลือกเฉพาะผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมกระบวนการ เพื่อสร้างโอกาสในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อีกทั้งยังเน้นให้การบำบัดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น นักจิตวิทยา นักวิชาการด้านการบำบัด และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ เทเลอวิช เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการศูนย์บำบัด เพื่อให้การติดตามผลและการรักษาผู้ป่วยทำได้ต่อเนื่อง อีกทั้งการบำบัดจะต้องมีการการประเมินศักยภาพและความถนัดของแต่ละบุคคลในด้านอาชีพ พร้อมจัดหางานที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาสามารถมีอาชีพที่มั่งคง มีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว อีกทั้งป้องกันการหวนกลับไปสู่การใช้สารเสพติดอีกด้วย
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่สามารถทำได้เพียงการบำบัดเท่านั้น แต่ต้องควบคู่กับการสร้างการยอมรับจากสังคม เพื่อให้ผู้ที่ผ่านการบำบัดสามารถกลับมาใช้ชีวิตในชุมชนได้อย่างมีศักดิ์ศรีและมั่นคง
อย่างไรก็ตามการประชุมหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง ศอ.บต. และจังหวัดปัตตานี เพื่อขับเคลื่อนปฏิบัติการ 120 วันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยหวังว่าจะช่วยลดปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนใต้ และสร้างสังคมที่เข้มแข็งและปลอดภัย
นางฟาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่สามารถทำได้เพียงการจัดอบรมระยะสั้น 2-3 วัน เพราะไม่เพียงพอต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ที่ตกอยู่ในวังวนของยาเสพติด หากต้องการให้เกิดผลอย่างแท้จริง ต้องมีระยะเวลาอย่างน้อย 40 วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องอาศัยปัจจัยเสริมอื่น ๆ ควบคู่กันไป โดยเฉพาะการสร้างความสมัครใจของผู้เข้าร่วม การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง และการสนับสนุนจากชุมชน เพื่อให้เกิดความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจของผู้เข้ารับการบำบัด
ซึ่งขณะนี้จังหวัดได้ดำเนินโครงการควบคู่กับศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเปิดอบรมให้กับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่จำนวนประมาณ 10 คนต่อรุ่น แบ่งตามแต่ละตำบล โดยใช้หลักสูตรฝึกอบรมระยะเวลา 1-2 เดือน ซึ่งนอกจากจะเป็นการบำบัดฟื้นฟูแล้ว ยังช่วยพัฒนาอาชีพและทักษะการทำงานให้กับผู้เข้าร่วมด้วย ผลการดำเนินงานพบว่า หลายคนสามารถต่อยอดจนกลายเป็นอาชีพที่มั่นคง และบางคนถึงขั้นเปิดกิจการเล็ก ๆ ของตนเอง ขณะเดียวกันก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่สามารถหาทิศทางชีวิตที่ชัดเจนได้ ซึ่งในกรณีนี้ ทางจังหวัดได้หารือร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น เพื่อหาทุนสนับสนุน รวมถึงจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างแรงจูงใจและเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านเห็นว่าผู้ผ่านการบำบัดสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้
สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติดจำเป็นต้องมีหน่วยงานหลักที่ดูแลในเชิงบำบัดและฟื้นฟูโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพียงการป้องกันและปราบปราม ซึ่งปัจจุบันเป็นภารกิจหลักของ ปปส. และตำรวจ ขณะที่ในเชิงการบำบัดยังไม่มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่เฉพาะด้าน ตนเคยเสนอแนวคิดให้จัดตั้งสถาบันหรือศูนย์บำบัดที่มีความครบถ้วนทั้งนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัด เพื่อทำงานอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
สำหรับจังหวัดปัตตานี ปัจจุบันมีระบบการเก็บข้อมูลผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ โดยพบว่ามีเป้าหมายกลุ่มผู้ที่ต้องได้รับการบำบัดประมาณ 2,000-3,000 คน ขณะนี้ผู้ที่ผ่านการบำบัดแล้วจำนวนหนึ่งสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติในชุมชน แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาคือกลุ่มผู้ติดรายใหม่และกลุ่มที่ยังไม่เข้าสู่ระบบการบำบัด ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญ
ผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดเผยตอนท้ายว่า ศูนย์พักคอยในปัจจุบันส่วนใหญ่รับผู้เข้าร่วมที่ถูกส่งต่อมาจากมินิธัญญารักษ์เท่านั้น แต่ยังไม่ได้เปิดกว้างถึงขั้นเชิญชวนผู้เสพรายอื่น ๆ เข้าสู่กระบวนการอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านความสมัครใจของครอบครัว หลายครอบครัวยังไม่พร้อมเปิดเผยว่าบุตรหลานของตนเองติดยา ซึ่งเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยการทำงานอย่างรอบคอบและจะต้องใช้เวลา