จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวการขับเคลื่อนนโยบายวาระพืชกระท่อมของ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. และ นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาสังคม (กสม.) ศอ.บต. พบว่ามีการปฏิบัติการเชิงรุกของภาคประชาสังคมและผู้นำชุมชนในจังหวัดปัตตานี โดยมีการผนึกกำลังกันติดตั้งป้ายไวนิลรณรงค์ “พวกเรารวมพลังไม่เอาพืชกระท่อม” อย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สะท้อนถึงการตื่นตัวและร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับรากหญ้าอย่างเป็นรูปธรรม
เปิดไทม์ไลน์ปฏิบัติการป้ายไวนิลในพื้นที่ปัตตานี
จากการตรวจสอบไทม์ไลน์การปฏิบัติการติดป้ายไวนิลในจังหวัดปัตตานี พบการมีส่วนร่วมของชุมชนในหลากหลายพื้นที่ โดย อ.ปะนาเระ: บ้านราวอ หมู่ 1 ต.ดอน ติดตั้งป้ายที่มัสยิดสุเหร่าคลองบือเระ อ.มายอ: บ้านเขาวัง หมู่ 1 ต.สาคอใต้ ติดตั้งที่อาคารอเนกประสงค์ อ.หนองจิก: บ้านบางปลาหมอ หมู่ 8 ต.ตุยง ติดตั้งที่ ชรบ. อ.ทุ่งยางแดง: บ้านเขาดิน หมู่ 3 ต.ปากู ติดตั้งที่มัสยิดดารูลอามาน บ้านน้ำดำ หมู่ 1 ต.น้ำดำ ต.พิเทน อ.โคกโพธิ์: บ้านดอนเค็ด หมู่ 2 ต.ป่าบอน และ บ้านตุปะ หมู่ 5 ต.ควนโนรี ติดตั้งที่อาคารอเนกประสงค์ อ.เมืองปัตตานี: บ้านรูสะมิแล หมู่ 1 ต.รูสะมิแล ติดตั้งที่ป้อมรักษาความปลอดภัย และ คลองมานิง หมู่ 2 ต.คลองมานิง ติดตั้งที่ ชรบ. อ.หนองจิก: บ้านกูแบกีแย หมู่ 5 ต.ดาโต๊ะ อ.ยะหริ่ง: ปิยามุมัง หมู่ 3 ต.ปิยามุงมัง ติดตั้งที่ค่าย ช.ค.ต. อ.กะพ้อ: บ้านบาลูกา หมู่ 4 ต.กะรุบี ติดตั้งในชุมชน
ส่วนที่ อ.แม่ลาน: บ้านใหม่ หมู่ 1 ต.แม่ลาน อ.สายบุรี: บ้านเจาะกือแย หมู่ 3 ต.ตะบิ้ง ติดตั้งที่สามแยก
อ.ยะรัง: บ้านคางา หมู่ 4 ต.สะนอ อ.แม่ลาน: บ้านวังกว้าง หมู่ 5 ต.ป่าไร่ ติดตั้งที่สำนักงานสภาตำบล
อ.ยะหริ่ง: บ้านป่าหลวง หมู่ 3 ต.ยามู ติดตั้งที่ ชรบ. และ บ้านตันหยงจึงงา หมู่ 2 ต.ตันหยงจึงงา ติดตั้งที่มัสยิดเวาะหะยี อ.กะพ้อ: บ้านมะกอ หมู่ 1 ต.ปล่องหอย ติดตั้งที่มัสยิดนูรุลยากันมะกอ อ.มายอ: หมู่ 2 ต.กระเสาะ ติดตั้งที่สามแยกจุดตรวจ ชรบ.
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการขยายปฏิบัติการสู่ยะลา-สงขลาด้วยเช่นกัน ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายต้านกระท่อมยังขยายวงกว้างไปยังพื้นที่จังหวัดยะลาและสงขลา โดยมีการผนึกกำลังของผู้นำชุมชนและประชาชนในการติดตั้งป้ายรณรงค์เช่นกัน สะท้อนถึงการทำงานเชิงรุกในระดับพื้นที่
โดย พื้นที่จังหวัดสงขลา อ.สะบ้าย้อย: บ้านตาฆอ หมู่ 1 ต.ธารคีรี ติดตั้งป้ายไวนิล ณ มัสยิดปายอจง
อ.เทพา: บ้านลำไพลตก หมู่ 2 ต.ลำไพล ติดตั้งป้าย ณ หน้าอาคารเอนกประสงค์
พื้นที่จังหวัดยะลา: อ.เมือง: บ้านตะวันออก หมู่ 5 ต.ลำพะยา มีการแจ้งกำหนดการติดตั้งป้ายไวนิล
อ.รามัน: บ้านปีแยะ หมู่ 6 ต.บือมัง ติดตั้งป้าย ณ ริมถนนหน้าป้อม ชรบ., บ้านตาโงะ หมู่ 5 ต.เนินงาม ติดตั้ง ณ สนามกีฬาในหมู่บ้าน และ บ้านโกตาบารู หมู่ 1 ต.โกตาบารู ติดตั้งที่สี่แยกไฟแดง
นอกจากนี้ยังพบว่ามีประเด็นในพื้นที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของพลังชุมชน มีการตั้งวงสนทนาร่วมกันพูดคุยและหาทางออกถึงปัญหาและอุปสรรคเพื่อขับเคลื่อนในระยะยาว โดยมี นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนและคอยประสานงานกับชุมชนที่กล้าออกมาแสดงจุดยืนและให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นว่าการแกะรอยไทม์ไลน์ พลังสังคมออกมาร่วมต่อต้านพืชกระท่อมในพื้นที่ชายแดนใต้ เผยให้เห็นมากกว่าแค่การติดตั้งป้ายรณรงค์ แต่สะท้อนภาพปฏิบัติการเชิงรุกที่น่าสนใจของหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ที่ประสานงานกันอย่างเป็นระบบและตอบสนองต่อปัญหาในพื้นที่อย่างทันท่วงที
การเคลื่อนไหวนี้ชี้ให้เห็นว่านโยบาย ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำสั่งจากส่วนกลาง แต่เป็นการทำงานแบบ “ล่างขึ้นบน” อย่างแท้จริง ข้อมูลที่ปรากฏ เป็นการรายงานผลการปฏิบัติงานจากผู้นำชุมชนในระดับหมู่บ้านโดยตรง ทั้งในปัตตานี ยะลา และสงขลา โดยมีผู้นำศาสนาเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ที่มีมัสยิดและผู้นำศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลในปัจจุบันด้วยว่า กลุ่มไลน์ จะทำหน้าที่เป็น “ศูนย์บัญชาการดิจิทัล” ที่ช่วยให้การประสานงานมีประสิทธิภาพสูง ทีมงานของ ศอ.บต. เช่น นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ สามารถสื่อสารโดยตรงกับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อแจ้งข่าวสาร ขอข้อมูล และรับรายงานความคืบหน้าแบบเรียลไทม์ผ่านภาพถ่ายและวิดีโอ การใช้เทคโนโลยีนี้ทำให้การดำเนินงานรวดเร็ว ลดขั้นตอน และช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที เช่น กรณีที่ผู้นำชุมชนสอบถามเรื่องการเลือกอาชีพหรือการรับป้ายไวนิลที่ล่าช้า
ปฏิบัติการนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การสร้างการรับรู้ผ่านป้ายไวนิล ซึ่งเป็น “มิติเชิงสัญลักษณ์” เท่านั้น แต่ยังควบคู่ไปกับ “มิติเชิงเศรษฐกิจ” ที่เป็นหัวใจสำคัญ การเปิดให้ชุมชนเลือกอาชีพเสริม เช่น การเลี้ยงไก่พื้นเมือง ผึ้งชันโรง หรือเป็ดเทศ แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้เข้าใจถึงรากเหง้าของปัญหาที่อาจเกี่ยวข้องกับมิติทางเศรษฐกิจ และพยายามเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนให้แก่ประชาชนในพื้นที่
อีกทั้งยังพบข้อมูลอย่างชัดเจนว่า นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ เป็น “ฟันเฟืองสำคัญ” ในการขับเคลื่อนนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของบุคลากรที่รับผิดชอบในระดับพื้นที่ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ประสานงาน แต่ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาและกำลังใจ ทำให้เกิดความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างภาครัฐและประชาชน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและแรงจูงใจให้ชุมชนมีส่วนร่วมในโครงการระยะยาว
สะท้อนให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของภาครัฐในชายแดนใต้ จากเดิมที่อาจดูเป็นโครงสร้างแบบราชการ สู่การทำงานเชิงรุกที่ผสานการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับกลไกทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนอย่างลงตัว เพื่อขับเคลื่อนวาระสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ