เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 14 ก.ย. 2568 พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่นและชุดวิเคราะห์ ศปอส.ภ.จว.ขอนแก่น ทำการจับกุม น.ส.มณฑาทิพย์ อายุ 26 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ที่ 463/2568 ลงวันที่ 4 ก.ย. 68 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และเป็นผู้สนันสนุนใน ความผิดฐานร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดฯ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือและไอแพดรวม 5 เครื่อง
ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ภายหลังจากมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองมหาสารคามว่า ถูกหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซนเตอร์ ได้ชักชวนให้ ผู้เสียหายลงทุนทำภารกิจสั่งซื้อสินค้าในระบบออนไลน์ จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหายจำนวน 2 บัญชี รวมมูลค่าความเสียหาย 1,252,372.71 บาท ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 4 จึงสั่งการให้ตำรวจภูธรทุกจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อมาเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบตัวผู้กระทำความผิด คือ น.ส.มณฑาทิพย์ แต่อาศัยอยู่ที่จงทจ.ชลบุรี เป็นบุคคลสำคัญใกล้ชิดและรับคำสั่งจากบอสชาวจีน มีหน้าที่จัดการเรื่องเงินสดและจัดหาบัญชีม้าให้กับขบวนการดังกล่าว โดยจะตระเวนกดเงินสดจากตู้กดเงินสดต่างๆทั่วทั้งภาคอีสาน และภาคตะวันออก ในหลายจังหวัดก่อนจะนำเงินมารวบรวมและจัดการแจกจ่ายให้กับเครือข่าย และจากการสืบสวนยังทราบว่า มีประชาชนแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวหา น.ส.มณฑาทิพย์ ว่ามีความเชื่อมโยงกับคดี อื่นๆในระบบมากกว่า 25 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาล เพื่อจับกุมตัว น.ส.มณฑาทิพย์ อายุ 26 ปี มาดำเนินคดีตามกฏหมาย
“เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบจนพบว่า ผู้ต้องหา มีความเคลื่อนไหวที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรีจึงเดินทางไปตรวจสอบพบตัว น.ส.มณฑาทิพย์ จึงแสดงหมายจับ เข้าจับกุมตัว ในการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.มณฑาทิพย์ฯ ให้การว่าบ้านพักหลังดังกล่าว ได้เช่าไว้เป็นที่หลบซ่อนตัวและเป็นที่จัดการเรื่องเงินสด โดยได้รับการว่าจ้างจากชาวจีน ชื่อนายเกอ เก้อ อาศัยอยู่ที่แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ให้ทำหน้าที่จัดหาบัญชีและถอนเงินออกจากบัญชี โดยจะได้รับค่าตอบแทนบัญชีละ 20,000 บาท เมื่อทำการถอนเงินแล้วจะทำการฝากเข้าบัญชีธนาคารและบัญชีทรู มันนี่ วอลเลท ซึ่งนายเกอ เก้อ จะเป็นผู้แจ้งว่ากดเงินบัญชีไหน ฝากเข้าบัญชีไหน
ผยก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า จากการปฏิบัติการดังกล่าวได้ตรวจยึดของกลาง และส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม รับตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนรวบพยานหลักฐาน ขยายผล สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดคนอื่นมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป