3 วันสุดท้าย วาระพืชกระท่อม ศอ.บต. นำร้อง 200 ชุมชน “ปฏิเสธกระท่อม” สร้างอาชีพใหม่ มุ่งยกระดับความมั่นคงเศรษฐกิจครัวเรือน

การขับเคลื่อนนโยบาย “วาระพืชกระท่อม 120 วัน” กำลังจะสิ้นสุดลงในอีก 3 วันข้างหน้า โดยล่าสุด ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เผยผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการนำร่อง 200 ชุมชนเข้าร่วมโครงการเพื่อปลูกจิตสำนึก “ปฏิเสธกระท่อมเสรี” ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอาชีพใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับครัวเรือน นายธีรวิทธิ์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ในฐานะผู้รับผิดชอบหลักจาก พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า นโยบายนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนที่พร้อมจะลุกขึ้นมาปฏิเสธการใช้พืชกระท่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพที่ชุมชนมีประสบการณ์และความถนัดอยู่แล้วในอาชีพต่างๆ “เราส่งเสริมสำหรับชุมชน หมู่บ้านที่มีความพร้อมลุกขึ้นมาปฏิเสธ (พืชกระท่อม) และเราก็ส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชน โดยเฉพาะในอาชีพที่ทางชุมชนมีประสบการณ์และความพร้อม” นายธีรวิทธิ์กล่าว

โครงการนี้ถือเป็นโมเดลการพัฒนาในระยะแรก ซึ่ง ศอ.บต. คาดหวังว่าทั้ง 200 ชุมชนที่เข้าร่วมจะสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยนโยบายนี้ไม่ได้เป็นเพียงการลดการใช้พืชกระท่อม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกใหม่ในการสร้างรายได้ที่มั่นคง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระดับพื้นที่และภาพรวมของประเทศต่อไป

โค้งสุดท้ายนโยบาย “วาระพืชกระท่อม 120 วัน” ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลและมีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นแกนนำหลักในการขับเคลื่อน โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีสถิติการใช้พืชกระท่อมสูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ นั้น นโยบายนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการปราบปรามเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมมิติอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ การบำบัดฟื้นฟู และการส่งเสริมอาชีพเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน ตามบทบาทของ ศอ.บต.ซึ่ง นายธีรวิทธิ์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ได้ระบุชัดว่า ศอ.บต. ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ ให้เป็น “ฟันเฟืองหลัก” ในการขับเคลื่อนนโยบายนี้
โดยให้เน้นไปที่ชุมชนนำพลังทั้งมวล ซึ่งเป้าหมายนำร่อง 200 ชุมชน เป็นอย่างน้อย โดยเน้นการส่งเสริมอาชีพที่ชุมชนมีความพร้อมและมีประสบการณ์ เพื่อให้ชุมชนเหล่านั้นลุกขึ้นมา “ปฏิเสธพืชกระท่อมเสรี” ด้วยตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตในระยะยาว

แนวคิดการแก้ปัญหายาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เปลี่ยนไปนี้ เหลือเวลา เพียง 4 วันเท่านั้น เน้นยกระดับการบูรณาการที่เชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจและสังคม การที่ ศอ.บต. เข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจเชิงบวก นับเป็นการตัดวงจร หวนกลับคืน เสพซ้ำ ของ ผุ้เสพ อีกทั้งสร้างความมั่นคงให้สังคมได้ เกื้อหนุ่นกันและกันอีกด้วย แน่นอนชาวบ้านเห็นถึงประโยชน์ของการไม่ยุ่งเกี่ยวกับพืชกระท่อมในรูปแบบที่เป็นอันตราย “200 ชุมชน” เป็นเป้าหมายนำร่องแสดงให้เห็นว่านี่คือการทดลองโมเดลการพัฒนาในวงจำกัดก่อนที่จะขยายผลต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นวิธีการทำงานที่รอบคอบและเป็นระบบ การมุ่งเน้นไปที่การสร้างอาชีพใหม่ที่สอดคล้องกับความถนัดของคนในพื้นที่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้โครงการมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูงขึ้น

โดยสรุปแล้ว นโยบายนี้เป็นการนำเอา “พลังชุมชน” มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาของรัฐ ซึ่งหากสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็จะเป็นการสร้างโมเดลการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างสันติสุขให้กับพื้นที่ชายแดนใต้ในที่สุด ประกอบกับ ศอ.บต. ได้มีการจัดกิจกรรม มหกรรม THAI DEEP SOUTH CONNECT ของดีพื้นที่ วิถีพื้นถิ่นชายแดนใต้ มหกรรมที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน รวมถึงเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมพลิกมุมมองของสังคมให้เห็นว่า ที่นี่คือ พื้นที่แห่งโอกาสและความหวัง และสันติสุข ที่พี่น้องในพื้นที่รอคอย ก็จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างแน่นอน