ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประกาศความมุ่งมั่นที่จะเป็น “พื้นที่กลาง” ในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อย่างรอบด้าน พร้อมย้ำความรู้สึกห่วงใยที่มีต่อประชาชนนั้น “มากกว่าคำว่ารัก” แต่เป็นความผูกพันดุจ “ญาติพี่น้อง” โดยชี้ว่า ปัญหาต่าง ๆ รวมถึงยาเสพติด กำลังเกิด “อารมณ์ร่วม” จากประชาชนที่ลุกขึ้นมาปฏิเสธภัยสังคมด้วยตนเอง
นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง (กสม.) ศอ.บต. เปิดเผยว่า พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง โดยมีเป้าหมายคือการยกระดับ คุณภาพชีวิตที่ดี ให้แก่พี่น้องทุกคน
“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บ้านเมืองต้องไปต่อ” นายธีรวิทย์กล่าว และว่า วิธีคิดเดียวของ ศอ.บต. คือการชวนทุกคน “มาร่วมพัฒนาบ้านเมือง” ไปด้วยกัน
นายธีรวิทย์ระบุว่า ศอ.บต. ยินดีที่จะเป็น “พื้นที่กลาง” อย่างแท้จริงในการประสานงานด้านต่าง ๆ โดยเน้นย้ำถึงความรู้สึกผูกพันที่ทีมงานมีต่อประชาชนตลอดที่ผ่านมาว่า “มันมากกว่าคำว่ารัก…มันเหมือนกับญาติพี่น้อง ที่คอยห่วงหา คอยห่วงใย…มีความกังวลว่า เค้าจะอยู่ยังไง เค้าจะ จะมีความสมบูรณ์ เค้าจะคิดยังไง…นี่คือความห่วงหาอาทร ซึ่งมัน มากกว่าหมวกของเจ้าหน้าที่หรือรัฐบาลแล้ว”
นอกจากเรื่องอาชีพ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ ศอ.บต. พยายามส่งเสริม ทั้งเรื่อง มอบพันธ์ทุเรียน ผึ่งชันโรง หรือ ส่งเสริมการขายขนมปิ๊บ แล้ว ยังมีเรื่องสุขภาพ สังคม และข้อกฎหมาย ที่ต้องร่วมกันดูแล
ผู้อำนวยการ กสม. ศอ.บต. ชี้ว่า ปัจจุบันประชาชนเกิด “อารมณ์ร่วม” ในการต่อต้านปัญหาสังคม โดยเฉพาะ ยาเสพติดและพืชกระท่อม อย่างชัดเจน “ทุกคน ไม่เอายาเสพติด ทุกคนไม่เอากระท่อม แล้ววันนี้ทุกคนก็ ลุกขึ้นมาเอง ลุกขึ้นมา ปฏิเสธเอง…โค่น เผา ทำลาย…เพราะเขาคิดว่ายาเสพติดคือสิ่งที่ ทำลายครอบครัวเขา คือสิ่งที่ทำลายชุมชนเขา คือสิ่งที่ทำลายสังคมเขา” นายธีรวิทย์ระบุ
นายธีรวิทย์กล่าวว่า ศอ.บต. ต้องการให้ทุกคนมาร่วมกันเป็น “ทีมเดียวกัน” เพื่อก้าวไปข้างหน้า และเน้นย้ำว่า ศอ.บต. ยินดีที่จะเป็น “โอกาสให้ทุกคน”
“ใช้โอกาสของ ศอ.บต. ใช้โอกาสของทีมพี่ๆ น้อง ๆ ที่อยู่ในเครือข่าย ใช้โอกาสของพวกเราทุกคน ที่จะนำให้กับพวกเราทุกคน ไปสู่การพัฒนา ไปสู่ในเรื่องของ คุณภาพชีวิตที่ดี ไปสู่ในเรื่องของการที่จะ เคลียร์ในเรื่องที่ขัดข้องหมองใจ”ที่สำคัญ นายธีรวิทย์ย้ำด้วยว่า ศอ.บต. กับประชาชนเป็น “ทีมเดียวกัน” มานานแล้ว และจะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ต่อไปอย่าง เหนียวแน่น และ ก้าวไปข้างหน้า
