นายกดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ก่อนให้กำลังใจญาติแนะให้เชื่อแรงศรัทธา

เวลา 10:30 น.วันที่ 29 มิ.ย.61 พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและคณะก็ได้เดินออกจากปากถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอนเพื่อออกมาพบปะกับพ่อแม่ผู้ปกครองและญาติของเด็กทั้ง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำที่เต็นท์ ของญาติที่มีทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจประสบภาวะวิกฤตคอยให้กำลังใจชาวบ้านอยู่ รวมทั้งมีพระสงฆ์อาสามาให้กำลังใจและผ่อนคลายจิตใจสงบจิตด้วยหลักพระพุทธศาสนาตลอดทั้งวัน

โดยนายกได้มีการพบปะพูดคุยกับพ่อแม่ของเด็กหลายคนและให้กำลังใจว่าจะต้องช่วยเหลือเด็กออกมาให้จงได้ในเร็วเร็วนี้ ก่อนที่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีจะได้เดินมาที่โรงครัวพระราชทาน ซึ่งเป็นรถยนต์เคลื่อนที่จำนวน 3 คัน เพื่อเยี่ยมเยือนเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนจิตอาสาที่ทำงานอุทิศตนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

นายกกล่าวภายหลังจากที่ได้เดินสำรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในถ้ำ และเยี่ยมกับญาติของผู้ประสบภัยว่า ที่มาในวันนี้ก็มาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นอย่างไรนบ้าง ซึ่งก็พอใจกับการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งถือว่าดีมาก และก็ขอให้กำลังใจกับทุกคน เพราะผมก็ถือว่าเด็กๆทั้ง 13 คนเป็นลูกเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ประชานไทยทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ได้ทำกงานอย่างเต็มความสามารถ

สำหรับเหตุการณ์อย่างนี้ถือเป็นประสบการณ์ของประเทศเลยก็ว่าได้ทีเกิดเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ ซึ่งการมาครั้งนี้ได้นำพระมาหรุณาธิคุณของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงเป็นห่วงกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งทุกคนมีความรักที่มีต่อลูกต่อครอบครัวอยู่แล้ว แต่ความรักยังไม่พอ ต้องมีแรงศรัทธา ศรัทธาในตัวเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ศรัทธา ในตัวลูกของเราว่าลูกของเราเข้มแข็ง สิ่งนี้จะทำให้เกิดความสำเร็จ เชื่อว่าอีกไม่นานนี้เจ้าหน้าที่จะสามารถช่วยเหลือได้สำเร็จ

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตอนนี้หลักสำคัญก็คือการเอาน้ำออก ปล่องมันจะได้เข้าไปได้ ซึ่งระดับน้ำที่เพิ่มในแม่น้ำสาย ที่ต้นน้ำอยู่ทางเมียนมาซึ่งอาจจะเกี่ยวโยงกับระดับน้ำภายในถ้ำซึ่งการทำงานภายในถ้ำของหน่วยซิลก็ขึ้นอยู่กับน้ำหากน้ำลดก็สามารถทำได้ การดำเนินการช่วยเหลือในครั้งนี้เราได้รับความร่วมมือจาก อังกฤษ สหรัฐ จีน และอีกหลายๆ ประเทศ ซึ่งถือว่าเราเป็นเสมือนจุดศููนย์กลางอาเซียน ทำอะรไก้ต้องมีระบบระเบียนมีแบบแผน จะได้ไม่อายชาติอื่น