อำเภอเชียงแสนเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบ มีซากโบราณสถานของเมืองเชียงแสนเก่าอยู่ในบริเวณตัวอำเภอ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยว และท่าเรือขนส่งสินค้าที่สำคัญในภาคเหนือ นอกจากนี้เชียงแสนมีพื้นที่ซึ่งเรียกว่า สามเหลี่ยมทองคำ ในพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดที่บรรจบกันของชายแดนสามประเทศ คือ ไทย ลาว และเมียนมา และเมืองประวัติศาสตร์เชียงแสน กำลังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย
“เชียงแสน” เป็นเมืองเก่าแก่แห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร มีซากกำแพงเมืองโบราณให้ได้ชม เมืองโบราณแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง มีกำแพงเมืองเป็นคูเมือง 3 ด้าน ยกเว้นด้านทิศตะวันออกซึ่งติดแม่น้ำโขง ภายในเขตกำแพงเมืองเก่าประกอบด้วยวัดร้างและโบราณสถาน สถานที่สำคัญต่างๆ ของเชียงแสนล้วนมีประวัติศาสตร์ความให้ได้เรียนรู้ รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย ทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งยังเป็นแหล่งค้าขายระหว่างประเทศที่สำคัญ
“เชียงแสน”เคยเป็นศูนย์กลางอาณาจักรล้านนาในยุคแรก ๆ และเป็นเมืองเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในภาคเหนือ เดิมชื่อเวียงหิรัญนครเงินยาง แม้ปัจจุบันยังมีซากกำแพงเมืองโบราณ 2 ชั้น และโบราณสถานหลายแห่ง ปรากฏอยู่ในทั้งในและนอกตัวเมือง ภายในเขตกำแพงเมืองเก่าประกอบด้วยวัดร้างและโบราณสถานที่สร้างในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-21 สลับกับบ้านเรือนชาวบ้าน การเที่ยวชมควรเริ่มต้นจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ใกล้กับประตูป่าสัก ติดกันเป็นวัดเจดีย์หลวง ฝั่งตรงข้ามจะเป็นศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวเชียงแสน จากจุดนี้สามารถไปเที่ยวชมโบราณสถานต่าง ๆ ได้ในรัศมีไม่เกิน 1.5 กิโลเมตร
สามเหลี่ยมทองคำ เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย (จังหวัดเชียงราย) ลาว (แขวงบ่อแก้ว) และเมียนมา (จังหวัดท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน) มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมบรรจบกัน โดยมีแม่น้ำโขงตัดผ่านชายแดนไทยและลาว โดยสามเหลี่ยมทองคำในส่วนของประเทศไทยนั้นอยู่ในเขตบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีท่าเรือขนาดเล็กขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและลาว ซึ่งหากมองจากฝั่งไทยไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจะเห็นหมู่บ้านในฝั่งลาวอย่างชัดเจน
คำว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” มีที่มาจากสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือมาจากการขายฝิ่นในสมัยก่อนที่ใช้ทองคำในการซื้อขายและฝิ่นก็มีค่ามากเปรียบเสมือนทองดำ (Black Gold) ส่วนที่มาที่สองมาจากการค้าขายบริเวณชายแดนโดยมีทองคำเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ในอดีตสามเหลี่ยมทองคำเคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นแห่งใหญ่ของโลก แต่เมื่อประเทศไทยได้มีโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ของสมเด็จย่า และทรงมีพระราชดำริที่จะให้ประชาชนได้เรียนรู้ถึงภัยจากฝิ่นและสารเสพติด จนชาวไทยภูเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจึงได้ยกเลิกการปลูกฝิ่นในที่สุด
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.