สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ประชุมผู้นำชุมชน ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในแม่น้ำอิงตอนบน

56

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ลงพื้นที่พบปะผู้นำชุมชนแม่น้ำอิงตอนบน ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในพื้นที่เพื่อนำมาประมวลและแก้ไขปัญหาร่วมกัน ผู้นำชุมชนเผยหลังได้ร่วมกันสร้างสภาประชาชนลุ่มแม่น้ำอิงแล้ว มีการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำ ชาวนามีน้ำทำนาปรัง หลังจากที่ขาดแคลนน้ำมาหลายปี

ที่วัดสันต้นผึ้ง ต.แม่อิง อ.ภูกามยาว จ.พะเยา นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต นายไกรทอง เหง้าน้อย กองเลขา สภาประชาชนลุ่มน้ำอิง นายเตชภัฒน์ มะโนวงศ์ ผญบ.บ้ายสันต้นผึ้ง ม.6 ต.แม่อิง อ.ภูกามยาว จ.พะเยา ในฐานะประธานสภาประชาชนลุ่มน้ำอิงตอนบน ผู้นำชุมชน และตัวแทนสภาประชาชนลุ่มน้ำอิงตอนบน ได้ร่วมประชุมหารือกันหลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันมา 3 ปี และติดตามกิจกรรมของเครือข่ายทางตอนบนของแม่น้ำอิง ภายใต้โครงการของ กก อิง โขง ผ่านสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เพื่อสร้างเครือข่ายชุมชน เน้นการทำงานเชื่อมโยงระหว่างแม่น้ำ โขง และแม่น้ำกก เป็นเครือข่าย อนุรักษ์ฟื้นฟูแม่ในท้องถิ่นของตนเอง

นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา กล่าวว่า การประชุมสภาประชาชนลุ่มน้ำอิงตอนบน ในครั้งนี้เพื่อเป็นการติดตามสถานการณ์ปัญหาลุ่มน้ำอิง วางกรอบประเด็นที่จะทำงานของน้ำอิงตอนบน เพื่อเชื่อมต่อ อิงตอนล่าง ว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง ซึ่งน้ำอิงมีปัญหาด้าน การขุดลอก ผันน้ำ ทำประตูน้ำ ภัยแล้ง และการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ ทางเครือข่ายจึงได้จัดการประชุมขึ้นเพื่อที่จะนำปัญหาไปเสนอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำปัญหามาแก้ไขร่วมกัน เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลและฟื้นฟูระบบนิเวศ ในแม่น้ำอิง ทั้งเรื่องน้ำเสียจากน้ำผ่านเมือง ประตูน้ำไม่ระบายน้ำเท่าที่ควร คุณภาพน้ำลดลง ฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรณ์ธรรมชาติ ต้นน้ำจากกว้านพะเยา วางแผนเพื่อจะพัฒนาอนุรักฟื้นฟูแม่น้ำอิงตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ร่วมกัน

ด้าน นายเตชภัฒน์ มะโนวงศ์ ผญบ.บ้ายสันต้นผึ้ง ม.6 ต.แม่อิง อ.ภูกามยาว จ.พะเยา กล่าวว่า การทำงานของสภาประชาชนลุ่มแม่น้ำอิงตอนบน เป็นตัวกลางในการช่วยประสานผู้นำให้รู้จักกันตั้งแต่ต้นน้ำ- ปลายน้ำ หนุนเสริมชาวบ้านาทำงานด้านการอนุรักษ์ น้ำอิง บวกหนอง สิ่งแวดบ้อม ประสานชาวบ้านพร้อมเสริมการทำกิจกรรมร่วมกันของชาวบ้าน เช่นการดูงาน ประชุม เสริมศักายภาพ ติดตามงานของแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดความแน่นแฟ้น และประสานกับเครือข่ายอื่นๆ เช่น เครือข่าสตรี ฝ่ายสงฆ์ และ นักวิชาการ เพื่อให้เกิดภาคี ขับเคลื่อนในการอนุรักษ์น้ำอิง

เมื่อ 20ปี ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผันผวน คาดการไม่ได้ ของแม่น้ำอิง แม้จะมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ อย่างกว๊านพะเยา แต่ไม่สามารถรับประกันว่าจะมีน้ำใช้ตลอดปี ชาวบ้านจึงต้องหาทางร่วมกันเพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี สำหรับผลกระทบของเกษตรกรก่อนหน้านี้ที่มีพื้นที่ทำนาประมาณ 15,000 ไร่ ไม่สามารถทำนาปรังได้ ปัจจุบัน สามารถทำนาได้มีน้ำมากขึ้น ประกอบกับมีการขุดลอกกว๊านพะเยา ทำให้มีน้ำมากยิ่งขึ้น

“ปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชนลุ่มแม่น้ำอิง ส่วนหนึ่งเกิดจาก การที่เมืองขยายตัวมากขึ้น มีการนำน้ำไปใช้ในการผลิตน้ำประปาเพื่ออุปโภคบริโภค ทำให้น้ำในแม่น้ำอิงลดลงเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับชุมชนเมืองเป็นหลัก แต่เกษตรกรหรือชาวนากลับถูกลดความสำคัญลง ในเมืองได้ใช้น้ำ แต่ชาวนาขาดน้ำ จึงมีการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำในลุ่มแม่น้ำอิง จ.พะเยาขึ้น” ผญบ.บ้ายสันต้นผึ้ง กล่าว

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.