วันที่ 13 ต.ค. 66 ที่บ้านเลขที่ 337 บ้านห้วยแล้ง หมู่ 2 ต.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาด จ.เชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่กรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พา นายจันทร์ดี แซ่ลี อายุ 35 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 15 แรงงานไทยจากประเทศอิสราเอลกลุ่มแรกที่ได้เดินทางกลับถึงบ้านที่หมู่บ้านห้วยแล้ง โดยทางญาติและชาวบ้านต่างมีการจัดโต๊ะ เก้าอี้และกางเต๊นท์คอยต้อนรับ ซึ่งเมื่อไปถึงบ้าน นางมาลับวรรณ แซ่ลี ภรรยา ลูกชายคนโตอายุ 11 ปี ลูกสาวคนกลางอายุ 5 ขวบและลูกชายคนสุดท้ายอายุ 2 ขวบ ได้โผเข้ากอดนายจันทร์ดี โดยร้องไห้ดีใจที่ปลอดภัยกลับบ้าน
นายจันทร์ดี กล่าวว่าเมื่อได้เห็นหน้าภรรยาและลูกตนรู้สึกดีใจมาก เพราะตนไปทำงานอยู่ประเทศอิสราเอลได้ 2 ปีครึ่งแล้ว โดยช่วงที่ไปได้ 4-5 เดือนลูกสาวคนโตได้เสียชีวิตทำให้ตนยิ่งคิดถึงบ้าน ไม่มีโอกาสมาร่วมในพิธีศพของลูก โดยจุดที่ตนพักอยู่เป็นแคมป์คนงานที่อิสราเอลมีแรงงานพักด้วยกัน 11 คน เมื่อเกิดการสู้รบมีคนรอดชีวิตมาได้เพียง 5 คน ส่วนเพื่อนของตนอีก 6 คนถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด ช่วงเกิดเหตุตนรู้สึกกลัวและยังสงสัยว่าจะได้มีโอกาสกลับมาพบครอบครัวอีกหรือไม่ เพราะในช่วงเวลาปกติแม้ไม่มีการสู้รบ ก็ยังนับวันจะกลับบ้าน ยิ่งมีสงครามก็ยิ่งทำให้เกิดความกลัวและอยากกลับบ้านเพราะรักลคิดถึงลูกทุกคนอย่างมาก
“ว่าในหมู่บ้านที่ตนอยู่มีค่ายทหารอิสราเอลอยู่ด้วยเมื่อกองกำลังฮามาสเข้ามาจึงมีการยิงต่อสู้กันขึ้นตั้งแต่ 06.00 น.จนถึงตี 1 ของอีกวัน ที่รอดมาได้เพราะพากันเข้าไปหลบหนีในห้องโดมที่มีไว้ป้องกันระเบิด เมื่อทหารอิสราเอลควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้วจึงช่วยออกมาได้ ตอนนี้ได้ขอให้พระเจ้าคุ้มครองเพื่อนๆ คนที่ยังอยู่อิสราเอลให้ปลอดภัย เพราะมันมีทั้งพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว และบางที่ที่อันตรายอยู่ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่น้องแรงงานไทยทุกคนที่อยู่ทางโน้นด้วย” นายจันทร์ดีกล่าว
ด้านนางมาลัยวรรณ กล่าวว่าตนรู้สึกดีใจมากที่สามีได้กลับมาบ้านและขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลือจนได้กลับบ้านมาอย่างปลอดภัย ส่วนเขาจะกลับไปทำงานที่อิราเอลหรือไม่นั้นคงต้องดูสถานการณ์ก่อนและให้เป็นการตัดสินใจของสามีอีกครั้ง
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.