(15 พ.ค.68) ณ สโมสรสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่4,พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 ราย ตรวจยึดยาบ้าจำนวนกว่า 2,363,400 เม็ด ยึดทรัพย์สินกว่า 5 ล้านบาท และมีมูลค่าความเสียหายกว่า 54 ล้านบาท
การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 68 จากผลการสืบสวนสอบสวนและขยายผลต่อเนื่องของเจ้าหน้าที่ หลังจากสามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายค้ายาเสพติดได้หลายรายก่อนหน้านี้ โดยเริ่มต้นเมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายอับดุลเลาะ วาเล็ง พร้อมของกลางยาบ้า 26,390 เม็ด
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 68 เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลและจับกุมนายสุรธัช สุวรรวิเชียร ได้พร้อมยาบ้าอีกจำนวน 100,260 เม็ด จากนั้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 สามารถจับกุมเพิ่มเติมได้อีก 2 ราย คือ นายสมคิด รัตนแก้ว และนายอิรฟาน อาแว โดยทั้งสองถูกจับพร้อมของกลางยาบ้ารวมจำนวน 547,380 เม็ด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลที่นำไปสู่การสืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาบ้าล็อตใหญ่มายังพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะภายในบ้านเลขที่ 474/4 ถ.ริมคลองชลประทาน ม.3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา ซึ่งเป็นจุดพักยาเสพติด เพื่อรอกระจายให้กับเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุมอย่างรัดกุมและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวในพื้นที่เป้าหมาย
ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบยาบ้าจำนวน 2,363,400 เม็ด โดยสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 ราย ทราบชื่อคือ นายเฉลิมวัฒน์ ชัยรัตนศิริกุล หรือ เบียร์ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 55 ซ.15 (รัตนอุทิศ) ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และนายณัฐวัฒน์ เถนว่อง หรือ ฟลุ๊ค อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 105 ซ.9 (โชคสมาน5) ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกัน ติดต่อกับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการลักลอบ ลำเลียงยาเสพติดชนิดยาบ้า มาจำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ค้ายาในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด พร้อมย้ำจุดยืนในการกวาดล้างยาเสพติดให้หมดสิ้นจากพื้นที่อย่างจริงจัง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า) อันมีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของกลุ่ม ประชาชน โดยผิดกฎหมาย
“เพียงครึ่งปีแรกปีนี้เราตรวจยึดได้ 18 ล้านเม็ด มีปริมาณยาลงมายังพื้นที่เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่นี้เป็นจุดพักและเตรียมกระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้องแก้ควบคู่กันในทุกชุมชนและสังคม การตั้งด่าน การตรวจค้นจึงยังเป็นสิ่งสำคัญที่ขอให้พี่น้องในพื้นที่เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านว่ามิใช่เพื่อความมั่นคงเพียงอย่างเดียว” พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวเพิ่มเติม
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.