“หมอเชิด” แนะแพทยสภา เรื่องชั้น 14 อย่าตกเป็นเครื่องมือการเมืองจนลืมการรักษาคนไข้

321

เมื่อเวลา 14.00 น วันที่ 19 พ.ค.2568 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน จ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่นน.พ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องชั้น 14 เป็นสิ่งที่คนสงสัยและต้องดูรวมกันประมาณ 3 เรื่อง เรื่องแรกคือจริยธรรมทุกวิชาชีพต้องมีจริยธรรมทางแพทย์เป็นเรื่องคนไข้กับหมอ คนที่จะดูเรื่องนี้คือแพทยสภาตามกฎหมาย ขณะที่เรื่องเกี่ยวกับคดีอาญาที่ไปกล่าวหากันในเรื่องต่างๆ ว่าเป็น เรื่องความเท็จ ความจริง เรื่องนี้เป็นเรื่องของศาล และเรื่องของทุกคนที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่านำความคิดทางการเมืองอย่านำมายุ่งกับเรื่องนี้

“เราต้องตรงไปตรงมาว่ากันตามหลักการที่พึ่งทำ คิดเห็นต่างกันได้แต่ไม่ใช่ไปหาเรื่องให้คนได้รับโทษ ยกเว้นทำผิดจริงๆก็ไปฟ้องและศาลก็ต้องเป็นกลางเพราะทุกวิชาชีพต้องมีความยุติธรรมเสมอไม่ใช่แค่หมอ ถ้าไม่รักษาหลักการไว้จะเกิดความวุ่นวาย กระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องความผิดเป็นอาญาคนละเรื่องกับจริยธรรมกระบวนการขั้นตอนยังไงเป็นเรื่องของศาล จริยธรรมเป็นเรื่องหมอกับคนไข้ควรจะปฏิบัติกับคนไข้ยังไง ต้องเอาคนไข้เป็นศูนย์กลาง”

นพ.เชิดชัย กล่าวต่ออีกว่า คนไข้เป็นคนสำคัญหมอต้องแนะนำคนไข้ถึงวิธีรักษาให้คนไข้ทราบคนไข้จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกวิธีไหน สิทธิคนไข้เป็นอันดับ1 ต่อมาหมอต้องปฏิบัติคนไข้รักษาให้ดีที่สุดเป็นดุลยพินิจของหมอต้องอ้างอิงไปถึงหลักวิชาการและความต้องการคนไข้ประกอบกันไป ต้องไม่ทำอันตรายต่อคนไข้ และความยุติธรรมเป็นเรื่องสำคัญต้องไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าความคิดไม่มีการปฏิเสธคนไข้หากเจ็บป่วย

“ไม่ใช่เอาความคิดทางการเมืองมาปฏิเสธการรักษาผิดจริยธรรมต้องรักษาความลับของคนไข้ให้ได้ ถ้าทำตรงไปตรงมาตามนี้แพทย์จะได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ จากคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไม่ทราบว่ามีใครไปร้องเรียนแพทยสภาหรือไม่ กรรมการแพทยสภาต้องแยกให้ออกว่าที่ถูกกล่าวหาผิดจริยธรรมจริงหรือไม่ตามหลักการหรือไม่”

นพ.เชิดชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่คุณเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และคุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรมขึ้นไปตรวจบนชั้น 14 รพ.ตำรวจต้องถามว่า 2 ท่านนี้เป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ เพราะความคิดเห็นต่างทางการเมืองมีอยู่แล้วจึงมองว่าไม่น่าเชื่อถือไปทำอะไร มองว่าไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นกรรมการสอบสวนที่ถูกแต่งตั้งด้วยมองว่าไม่เหมาะสมไม่ใช่หน้าที่มองว่าที่ออกมาพูดเป็นความเห็นส่วนตัวส่วนจะหน้าเชื่อถือหรือไม่เป็นอีกเรื่องไม่มีผลต่อการตัดสินอะไรไปทำกันเองมองว่าเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า

“กรณีที่คนไข้วิกฤติหรือไม่วิกฤติ ถ้าคนไข้เจ็บป่วยขึ้นมากระทันหันหมอผู้ดูแลต้องใช้ดุลพินิจว่ารักษาได้หรือไม่ถ้ารักษาไม่ได้ก็ต้องส่งต่อเป็นเรื่องปกติ การที่กรมราชทัณฑ์หรือกฎหมายต่างๆระเบียบออกมาให้ผู้สูงอายุหรือการพักโทษเป็นวิวัฒนาการความเจริญของบ้านเมืองอย่าไปเอาความสะใจไม่ใช่ผิดแล้วจะต้องคิดคุกอย่างเดียวผูกตวนเหมือนประจานกันประเทศที่เจริญแล้วพยายามให้ผ่อนผันเพราะคนล้นคุก ถ้ามีพฤติกรรมไม่หลบหนี ไม่ทำผิดเพิ่มขึ้น มีกติกาให้ไปรักษาที่บ้านได้ให้ไปรักษา รพ. ที่ควบคุม ฝากถึงแพทยสภาคดีเกี่ยวกับการเมืองต้องระวังว่าอย่าไปตกไปเป็นเครื่องมือใคร และนำมาต่อต้านนักการเมืองที่ตัวเองไม่ชอบ”

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.