เชียงรายจัดวันสิ่งแวดล้อมโลกต้านเหมืองแร่พม่า แสดงสัญลักษณ์ ส่งหนังสือถึงนายก รัฐบาลจีน พม่า

951
เวลา 08.30 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ภาคประชาชนในลุ่มน้ำสาย น้ำรวก น้ำกก น้ำโขง รวมตัวกันในวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อต้องการให้รัฐบาลไทยหาวิธีการหยุดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐฉาน ประเทศพม่าภายใต้เขตอิทธิพลของกองกำลังว้า UWSA (United Wa State Army)ที่สนับสนุนนักธุรกิจชาวจีนเข้ามาดำเนินการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทและเหมืองทองคำ โดยมี นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว เครือข่ายรักษ์เชียงของ นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีต สว. นางสาวเพียงพร ดีเทศน์ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ ( Inter River) ร่วมกิจกรรมประมาณ 1,000 คน
การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการรณรงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนให้ยุติเหมืองทันที และฟื้นฟูแม่น้ำ โดยจะรวมตัวที่สวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง เชิงสะพานแม่น้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีกิจกรรมร่วมลงชื่อ การเขียนโปสการ์ดถึงนายกรัฐมนตรี การแสดงดนตรีและกิจกรรมของศิลปินเชียงราย มีเวทีเสียงคนเชียงราย และพิธีกรรมพุทธศาสนาและพิธีกรรมของชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์
จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปบนสะพานเพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีจีน รวมทั้งฝากไปถึงรัฐบาลพม่าและกองกำลังว้า โดยจะมีการทิ้งป้ายผ้าขนาดใหญ่บนสะพานที่เขียนข้อความให้หยุดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ และการโปรยดอกไม้ และผูกริบบินเขียวฟ้า แสดงสัญลักษณ์
ก่อนจะยื่นหนังสือให้กับ นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ เพื่อจะส่งให้กับนายกรัฐมนตรีต่อไปโดยเนื้อความใน หนังสือมีอยู่ว่า
“เนื่องด้วยประชาชนที่อาศัยในลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย กำลังเผชิญปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำที่ไหลมมาจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ได้แก่แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยกว่า 1 ปีที่ผ่านมาประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำกกพบว่าแม่น้ำขุ่นข้นแม้กระทั่งในฤดูแล้งซึ่งผิดปกติแทนที่น้ำจะใส เช่นเดียวกับชาวบ้านริมแม่น้ำสาย ได้พบว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาแม่น้ำสายมีสีขุ่นข้นมาก โดยมีที่แล้วขุ่นข้นจนน่ากลัวเพราะกลายเป็นสีขาว แม้กระทั่งนำไปผ่านกระบวนการผลิตน้ำประปาสีของน้ำก็ยังขุ่น
ภาคประชาชนจึงได้ร่วมกันเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่มาของความขุ่นเพราะได้รับข้อมูลข่าวสารว่าที่บริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายมีการทำเหมืองแร่ จนกระทั่งกรมควบคุมมลพิษได้ทำการตรวจสอบและพบสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน
เมื่อทางการได้ตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมแสดงหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามีการเปิดหน้าดิน ทำเหมืองแร่เถื่อน รวมทั้งแร่แรร์เอิร์ท อย่างน้อย 40 จุด โดยเหมืองเถื่อนบางแห่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนไทยเพียง 2 กม. เท่านั้น
กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตรวจคุณภาพน้ำ 3 ครั้ง และทุกครั้งพบว่าในแม่น้ำกกมีสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน เช่นเดียวกับแม่น้ำสายที่มีค่าสารหนูและสารตะกั่วปนเปื้อนสูงเกินกว่ามาตรฐานจนน่าตกใจ รวมทั้งแม่น้ำโขง สร้างความตระหนกและกังวลใจแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่และใช้น้ำทั้งการอุปโภค การเกษตร การประมง การท่องเที่ยว เป็นอย่างยิ่ง
คำแนะนำของทางการให้ประชาชนงดการสัมผัสน้ำแม่น้ำโดยตรง งดบริโภคสัตว์น้ำ งดกิจกรรมทางน้ำ ฯลฯ ทำให้ประชาชนยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ไม่มีทางออก คนหาปลาขาดรายได้ ชาวนาไม่มั่นใจว่าจะปลูกข้าวได้หรือไม่ ผู้คนใช้น้ำประปาด้วยความหวาดระแวง ประชาชนในพื้นที่ต่างกังวลว่า จะเกิดการสะสมของสารโลหะหนักในระยะยาวสุขภาพของตนเองและลูกหลานจะเป็นอย่างไร และฤดูฝนนี้หากน้ำหลากมาท่วมบ้านเรือน เราจะรับมือกับน้ำพิษ โคลนพิษ ได้อย่างไร ฯลฯ
นอกจากนี้ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนยังต้องเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว การค้าขาย ผลกระทบทางสังคมและผลกระทบต่อสุขภาพกายสุขภาพจิต โดยที่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีมาตรฐานแก้ไขปัญหาต้นตอซึ่งเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดมลพิษข้ามพรมแดน คือเหมืองแร่เถื่อนจำนวนมากในเขตรัฐฉาน พวกเราประชาชนในพื้นที่ตระหนักดีว่า เราจะปล่อยให้ปัญหาผลกระทบดังเกิดขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาภัยความมั่นคงที่กระทบประชาชนนับล้านคน
จึงขอเรียกร้องท่านในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อยุติเหมืองแร่เหล่านี้ทันที และต้องมีมาตรการชัดเจนด้านการฟื้นฟูนิเวศแม่น้ำกก สาย รวก และโขง ระบบเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นให้กลับคืนมาดังเดิมอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานออกไปยิ่งทำให้ความเสียหายรุนแรงและวงกว้างขึ้น”
นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังรับหนังสือว่า เราได้รับทราบถึงเรื่องผลกระทบของแม่น้ำในเชียงราย เราให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพแม่น้ำกก เพื่อให้พวกเราได้อยู่อย่างมีความสุข โดยได้รายงาน ทางผู้บังคับบัญชาแล้วและได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลเมนมารวมไปถึงกระทรวงทรัพยากร ของเมียนมาให้รับทราบ เพื่อนัดพบกันเพื่อเจรจา
นางสาวเพียงพร ดีเทศน์ กล่าวว่า การมารวมตัวในครั้งนี้อยากให้เป็นการแสดงพลังเพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยการแสดงสัญลักษณ์ และทำหนังสือส่งให้กับ ทางนายกรัฐมนตรีไทย รัฐบาลเมียนมา และรัฐบาลจีน เพื่อให้ยุติกิจกรรมในการทำเหมืองแร่ ในเขตรัฐฉานประเทศเมียนมาทันที จากเหมืองดังกล่าว ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อแม่น้ำที่ไหลเข้ามา ในประเทศไทย ที่จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.