11 มิ.ย. 68 พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ควงทีมใหญ่ลงเยี่ยม “มูลนิธิบ้านอุ่นไอรัก” บ้านจาแบปะ ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จุดศูนย์กลางฟื้นฟูผู้เสพติดเกือบพันราย ประกาศหนุนเต็มที่ยกระดับเป็น “ศูนย์ฟื้นฟูสภาพสังคม” ด้วยแนวทาง ศาสนบำบัด ควบคู่การแพทย์ เน้นเปิดโอกาสให้คนหลงทางกลับมามีที่ยืนในสังคม
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มี นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานด้านความมั่นคงและปราบปรามยาเสพติด นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส ส.ส.ปัตตานีเขต 5 นาย สมมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี เขต 3 รองเลขาฯ ศอ.บต. สาธารณสุขจังหวัด กรมการแพทย์ และสื่อมวลชนในพื้นที่ร่วมติดตามการดำเนินงานของศูนย์บำบัดชุมชนซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในพื้นที่ชายแดนใต้
โดยก่อนหน้า รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะ ร่วมประชุมเพื่อขับเคลื่อน “แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการทุกมิติ พ.ศ. 2568 – 2570” โดยมีเป้าหมายหลักในการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการดึงจิตอาสาและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม กับแม่ทัพภาคที่ 4 (ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4), รองเลขาธิการ ศอ.บต., อธิบดีกรมคุมประพฤติ, รองเลขาธิการ ป.ป.ส., และ ผอ.ปปส. ภาค 9 เข้าร่วมภารกิจสำคัญนี้ ณ ห้องประชุมค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
นายอาหามะพัดลี ยูโซะ ประธานมูลนิธิฯ เผยว่า บ้านอุ่นไอรักเริ่มต้นจากแนวคิด CBTx (Community-Based Treatment) ตั้งแต่ปี 2561 โดยใช้หลัก “ศาสนบำบัด” เป็นแกนกลาง ผ่านการกิน-อยู่-ละหมาดร่วมกัน ควบคู่การดูแลจากแพทย์ ปัจจุบันมีผู้เข้ารับการฟื้นฟูต่อเนื่องจำนวน 870 ราย ซึ่งเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธจำนวน 90 ราย อายุน้อยสุดที่มารับการบำบัดคือ 15 ปี อายุมากสุด 60 ปี และมีผู้ผ่านการบำบัดแล้วกว่า 30,000 คน จากทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ขังคนติดยา แต่คือที่ให้โอกาสกลับใจ…จากเด็กติดยา สู่ผู้ศรัทธาที่มีเป้าหมายในชีวิต
มูลนิธิเตรียมเดินหน้าเร่งขยายโรงอาหาร-ห้องน้ำ ห้องปฐมพยาบาล ระบบกรองน้ำดื่มและน้ำเสีย สนามกีฬาเพื่อการบำบัด รองรับจำนวนผู้เข้ารับการดูแลที่เพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสำหรับผู้หญิง ศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคืนชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วยอย่างครบวงจร” ประธานมูลนิธิฯ กล่าว
“มาบำบัดที่นี่หลายเดือนแล้ว ตอนนี้อยู่ในม.4 ที่สำหรับการปรับปรุงตัวเอง รอทางบ้านมารับกลับ เราได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น เรียนอัลกุรอ่าน ละหมาด ขัดเกลาตัวเอง ตั้งใจจะไม่กลับไปหายาเสพติดอีกและกลับไปช่วยพ่อแม่ทำร้านอาหารให้เต็มที่ ขอบคุณที่นี่ที่ดูแลและให้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง” ชายหนุ่มวัย 29 ปีจากอ.มายอ จ.ปัตตานี บอกถึงความตั้งใจหันหลังให้ยาเสพติดและไปช่วยกิจการร้านอาหารของครอบครัวที่เปิดในมาเลเซีย
นอกจากการบำบัด ที่นี่มีการฝึกอาชีพ ฟื้นฟูชีวิต พึ่งตนเอง ร่วมกับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และหน่วยงานเกษตรท้องถิ่น หน่วยฉก.42 เมื่อเตรียมตัวกลับบ้านและสังคมภายนอกด้วยวิชาชีพติดตัว
ด้าน รมว.ยุติธรรม ระบุว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาที่แก้ยาก เป็นความรับผิดชอบร่วมกันต่ออนาคตของพื้นที่ของภาครัฐ
“ยาเสพติดเป็นความทุกข์ของประชาชน เป็นเศรษฐกิจนอกระบบที่ใหญ่ที่สุดและทำรายได้สูงสุดในโลก เป็นธุรกิจที่ได้กำไรบนร่างของมนุษย์ ใช้ชีวิตและเสรีภาพของประชาชนเป็นเครื่องมือ ในเรือนจำมีผู้ต้องขังคดียาเสพติด 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์คือ ผู้เสพ สำคัญคือ ผู้เสพ หากเอาเข้าไปในเรือนจำหมดก็ล้น
สิ่งสำคัญคือ เอกชนมาอาสาดูแลเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับใช้ให้ประชาชนมีสุขภาพดี เรื่องยาเสพติดคือเป็นความมั่นคงของรัฐ กระทรวงยุติธรรมต้องเป็นพลังจิตอาสาที่รัฐต้องหนุน วาระการแก้ปัญหายาเสพติดคือ วาระการสร้างคน”
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า ประชาชนศรัทธายอมเสียเงินค่าอาหาร ค่าดูแล เพื่อมาบำบัดด้วยหนทางสันติ เป็นตัวอย่างที่ดี ใครที่ติดยาในหมู่บ้าน ในชุมชน ขอเชิญมาบำบัดรักษาที่นี่ หรือที่มินิธัญรักษ์ รพ.ธัญรักษ์ ต้องการให้พี่น้องสามจังหวัดมีสุขภาพดี ต้องปลอดยาเสพติด สร้างงาน สร้างอาชีพ ที่สำคัญ ยาเสพติดไม่มีชีวิต เดินไม่ได้ มาได้ยังไง ต้องจริงจังกับการปราบปรามกลไกอำมหิตที่ค้ายา ดำเนินตามกระบวนการยุติธรรม วันนี้จับได้เพียงคนขน คนลำเลียง สำคัญคือคนบงการ ขออนุญาตใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ หากมีข้อมูลตรวจพิสูจน์จากนิติวิทยาศาสตร์จากเบสโทรศัพท์ หรือจับรายใหญ่แล้วซัดทอดไปถึงคนสั่งการ ผู้มีอิทธิพลต้องไล่ให้ถึง คนพวกนี้ใจดำกับประชาชน ขอใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินและกฎอัยการศึกเอาตัวคนเบื้องหลังเหล่านี้มาดำเนินคดี ยาเสพติดไม่ใช่เป็นภัยแทรกซ้อน หากเป็นภัยความมั่นคง ถ้าปล่อยไว้ประชาชนจะอ่อนแอ
ขอชื่นชมบ้านอุ่นไอรัก กำนันดิง บาบอและทีมได้ปฏิเสธยาเสพติด ที่นี่เป็นของภาคใต้ มีทั้งคนพุทธเกือบร้อยคนและมุสลิมมาบำบัดรักษา รัฐจะสนับสนุนที่นี่ให้ดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว”
โดยรมว.ยุติธรรม ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการจัดสร้างสนามกีฬาเพื่อการบำบัดเป็นการเร่งด่วนภายในที่ตั้งของมูลนิธิฯ เพื่อเป็นสถานที่ออกกำลังกายของผู้เข้ารับการบำบัดทุกคน
จากนั้น รมว.ยุติธรรม และคณะฯ ได้เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อประสานความร่วมมือในการขับเคลื่อนแผน “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มจิตอาสาเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ณ โรงแรมริเวอร์ อ.เมือง จ.ปัตตานี การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการวางแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ สร้างกลไกที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกระดับ และเสริมสร้างพลังสังคมในการต่อต้านยาเสพติด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการฟื้นฟูสันติสุขในพื้นที่
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.