วันที่ 11 มิถุนายน 2568 ผูัสื่อข่าวรายงานว่ากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะ เข้าเยี่ยม หมอไทยดีเด่น แห่งชาติประจำปี 2568 นายแก้ว ใจยืน หมอพื้นบ้านประจำจังหวัดพะเยา ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในงานมหรกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ได้เข้ารับเงินรางวัล และรับพระทานเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ในวันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
ซึ่ง นายแก้ว ใจยืน อายุ 92 ปี เกิด วันที่ 2 เมษายน 2477 ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก ปู่ คือพ่อเขียว ใจยืน ซึ่งมีองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย เป็นหมอตำแย หมอสมุนไพร (ในขณะนั้น ) พะเยาเป็นจังหวัด พ.ศ. 2520 การเรียนวิชาทางการแพทย์แผนไทยจาก ปู่ นายพ่อ เขียว ใจยืน มีองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย เป็นหมอตำแย หมอสมุนไพร และเรียนรู้จากเพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์อีก 2 ท่าน คือ พ่อหนานมี ใจยืน บ้านตุ่น ม.2 (สอนวิชาจาก ตำรายาในปั๊บสา) และ พ่อน้อยฮ่วน ครองไชย บ้านบัว ม.4 ตำบลบ้านตุ่น อ.เมืองพะเยา และเริ่มเป็นหมอพื้นบ้าน ดูแลสุขภาพประชาชน ตั้งแต่ อายุ 26 ปี ในปี พ.ศ. 2503 โดยยังประกอบอาชีพ ทำนา ทำสวน ทำไร่ และ ได้รับการแต่งตั้งเป็น คณะกรรมการต่างๆ ของ หมู่บ้านต่อเนื่อง มาจนถึงปี 2524 จึงได้ประกอบอาชีพ หมอพื้นบ้านมาจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2555 ได้รับใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย สาขาเวชกรรมไทย ประเภท ค เลขที่ พท.ว.19019 .พ่อแก้ว ใจยืน เป็นผู้ที่ทำคลอดลูกทั้งหมด จำนวน 8 คนจากภรรยาคนก่อน(ชื่อ นางปี๋ ใจยืน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว) พ่อแก้ว ใจเย็น มีบุตรทั้งหมด 8 คน ยังมีชีวิตอยู่ 5 คน เสียชีวิตไป 3 คน พ่อแก้ว ใจยืน ได้ถ่ายทอดความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย ให้แก่ นางบัวคำ ใจยืน (ลูกสาว) นายปรีชา ใจยืน (ลูกชาย) นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดนักศึกษาจากสถาบันการศึกษา ต่างๆ ได้แก่ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลับราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ ผู้มารับบริการรักษา จากพ่อแก้ว ใจยืน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยจากภายในตำบลบ้านตุ่น และประชาชน ในจังหวัดพะเยา ประมาณ เดือนละ 15-20 คน แต่ก็จะมีจากต่างตำบล ต่างจังหวัดได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ ลำปาง เดือนละประมาณ 3-5 คน ที่มารักษาก็มักจะสั่งยาสมุนไพรไปรับประทานต่อที่บ้านซึ่งพ่อหมอแก้วก็ทำการจัดส่งให้ทางไปรษณีย์หรือขนส่งแอกชนเงินค่าขันครู จะนำไปเป็นทุนในการจัดหาสมุนไพร ซื้อวัสดุเพื่อบรรจุสมุไพร เครื่องมือและอุปกรณ์ในการหั่น ตาก บด สมุนไพร และเงินบางส่วนพ่อแก้วมักจะนำไปทำบุญในสถานที่ต่างๆ เช่น เอาไปทำบุญงานในหมู่บ้าน ทำบุญที่วัดในตำบลอีกด้วย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.