ผลกระทบจากการปิดด่าน เจ้าของฟาร์มด้วงมะพร้าวโอดไม่มีออเดอร์เกือบ2เดือนแล้ว

433

คนขอนแก่น เลี้ยงด้วงมะพร้าวจัมโบ้ ส่งขายต่างประเทศแต่ช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านไม่มีออเดอร์เกือบ 2 เดือนแล้ว เจ้าของฟาร์มเผย ผันตัวจากชาวสวนจนกลายเป็นรายได้หลัก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 มิ.ย.2568 ที่ฟาร์มแม่สุมาลีด้วงมะพร้าว ตั้งอยู่เลขที่ 76 บ้านทรัพย์สมบูรณ์ ม.5 ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น นางสุมาลี พินิจการุณเนตร อายุ 65 ปี พร้อมด้วยนายอภิชาติ พินิจการุณเนตร อายุ 40 ปี ลูกชาย กำลังตรวจดูด้วงมะพร้าวตัวอ้วนที่เลี้ยงไว้ในกาละมังมีฝาปิดเจาะรูระบายอากาศ และคัดแยกตัวด้วงมะพร้าวที่โตเต็มที่ไว้เพื่อเตรียมจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ออเดอร์สั่งซื้อเข้ามา โดยกาละมัง 1 ใบจะมีด้วงมะพร้าวอยู่ 70-100 ตัว หรือน้ำหนักรวม 1 กก. ซึ่งปกติกาละมังที่เลี้ยงด้วงมะพร้าวในฟาร์มจะเต็มไปทั่วบริเวณโรงเลี้ยงราวๆ 400 ใบ แต่เนื่องจากช่วงระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ด่านชายแดนไทย-กัมพูชาปิดจากสถานการณ์ตึงเครียด ทำให้ลูกค้าแถบชายแดนโดยเฉพาะชาวกัมพูชาหายไปทั้งหมด และลูกค้าชาวกัมพูชานั้นถือเป็นแหล่งรายได้หลักของฟาร์มแม่สุมาลีด้วงมะพร้าวอีกด้วย

นางสุมาลี กล่าวว่า ฟาร์มจะได้ยอดสั่งจากพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ไปวางจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและชาวกัมพูชาแต่ละเดือน 2-3 รอบ และจะสั่งรอบละ 600 กก.ขึ้นไป มากสุดกว่า 1 ตัน และมีการสั่งซื้อเข้ามาทุกเดือนไม่เคยขาด จนบางรอบด้วงมะพร้าวไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทางฟาร์มก็จะสั่งซื้อด้วงมะพร้าวจากภาคใต้มาเสริมชั่วคราวเพื่อให้ครบตามจำนวนออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งซึ่งก่อนที่จะมาทำฟาร์มด้วงมะพร้าวนั้น เคยทำไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง และทำสวนยางพารามาก่อน แต่ราคาผลผลิตตกต่ำ หาเงินได้ก็ไม่พอต่อการใช้จ่าย จึงมองหาอย่างอื่นทำควบคู่เพื่อเป็นรายได้เสริม และมาเจอด้วงมะพร้าวในยูทูป ตั้งใจจะขายตามตลาดนัด ซึ่งพอได้ลองเลี้ยงดูทำจริงๆจังๆ สามารถขายได้ทั้งพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ทั้งแบบสด แบบแช่แข็ง จากรายได้เสริมกลายเป็นรายได้หลัก

“วันนี้เลิกทำสวนทำไร่และหันมาทำฟาร์มเลี้ยงด้วงมะพร้าวอย่างเต็มตัว โดยมีลูกๆมาช่วยเพราะทุกคนเห็นรายได้จากการเลี้ยงด้วงมะพร้าวที่จะช่วยให้เป็นรานได้เลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างยั่งยืน จึงพัฒนาต่อยอดจากคนที่เลี้ยงหลายๆคน ที่แนะนำในยูปทูป ลองผิดลองถูกจนสามารถทำอาหารให้ด้วงมะพร้าวกินเติบโตอย่างมีคุณภาพสมบูรณ์แข็งแรง กลายเป็นสูตรอาหารเฉพาะของฟาร์มแม่มาลี ประกอบด้วยกากมันสำปะหลังสด ผสมหัวอาหาร น้ำหมักอีเอ็ม กากน้ำตาลไปผสมน้ำ และนำมะพร้าวสดมาโปะหน้า ซึ่งจะใช้เวลาในการเลี้ยง 40-45 วันก็จะสามารถคัดแยกตัวโตเต็มที่มาขายให้กับลูกค้าได้ โดยด้วงมะพร้าวของฟาร์มนั้นจะเป็นสายพันธุ์จัมโบ้ มีขนาดโตเต็มที่เท่านิ้วหัวแม่มือ โดยก่อนจะนำไปบรรจุใส่ถุงแช่แข็งนั้น ทางฟาร์มจะต้องทำการเก็บมาล้างท้องก่อน คือการให้อาหารด้วยกากมันสำปะหลังสดพร้อมกับล้างน้ำสะอาด และทำซ้ำอีก 2-3 รอบ ก่อนจะนำไปลวกน็อกน้ำเย็นแล้วจึงแพ็กใส่ถุงละ 1 กก.แช่แข็งรอจำหน่าย เพื่อให้ได้ด้วงมะพร้าวที่สดสะอาดมีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการอย่างสมบูรณ์ ส่วนปัญหาของการเลี้ยงมีอย่างเดียวคือสภาพอากาศหน้าร้อนจะทำให้ด้วงตาย นอกจากนั้นไม่มีปัญหาใดๆในการเลี้ยงเลย”

นางสุมาลี กล่าวต่อว่า ฟาร์มจะเลี้ยงด้วงในกาละมังเฉลี่ยกะละมังละ 1 กก. หรือประมาณ 70-100 ตัว โดยระยะเวลาหลังจากฟักตัวออกจากไข่ก็จะค่อยๆเติบโตสามารถคัดแยกไปขายได้ในช่วง 40-45 วัน หากตัวไหนยังไม่โตมากก็จะขุนต่อให้ตัวใหญ่ก่อน เพื่อนำมาจำหน่ายในรอบต่อไป ส่วนสำหรับพ่อพันธุ์แม่นั้น หลังจากโตเต็มที่แล้ว เข้าสู่ช่วง 50 วันจะเป็นตัวที่ใหญ่มากพร้อมจะม้วนตัวเป็นดักแด้ ซึ่งจะใช้เวลาต่อไปอีกประมาณ 10-20 วัน ด้วงมะพร้าวก็จะม้วนตัวเป็นดักแด้ในกากมะพร้าวที่ฟาร์มเตรียมใส่กาละมังไว้ให้ พอช่วง 30 วัน ก็จะครบกำหนดคลอดออกมาเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์อย่างสมบูรณ์ แต่หากไม่ออกจากกากมะพร้าว เราก็จะช่วยผ่าคลอดให้ โดยการดึงกากมะพร้าวออกก็จะพบตัวพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ นำไปเลี้ยงต่อให้เกิดการผสมพันธุ์ออกไข่ด้วงเป็นวัฏจักรต่อไป โดยลูกค้าชาว สปป.ลาว ปกติจะสั่งในช่วงหน้าฝน มิ.ย.-ก.ค. ในประเทศจะสั่งช่วงม.ค.-เม.ย. เพราะเป็นช่วงที่มีงานประเพณีประจำปีเยอะ


“ฟาร์มจำหน่ายทั้งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ด้วงมะพร้าวคู่ละ 10 บาท สำหรับแบบตัวสดและแบบตัวแช่แข็ง ราคาเท่ากัน โดยราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ กก.ละ 200 บาท ส่วนราคาส่งอยู่ที่ กก.ละ 170-180 บาท แล้วแต่ขนาดและจำนวนที่สั่ง ซึ่งหากสั่งจำนวนมากทางฟาร์มก็จะลดให้อีก ส่วนลูกค้าของฟาร์มนั้น จะมีลูกค้าประจำที่สั่งรอบละเป็นตัน ขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่ สปป.ลาว และชายแดนติดกัมพูชาแถว อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่วนในประเทศก็จะมีลูกค้าใน จ.อุดรธานี สั่งรอบละ 200-300 กก. ซึ่งในภาคอีสานนั้นฟาร์มของเราจะเป็นอันดับต้นๆที่มีการจำหน่ายด้วงมะพร้าวรายใหญ่ที่สุด และด้วงมะพร้าวนั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจสร้างรายได้ที่มีลูกค้านิยมนำไปทำเมนูอาหารในแบบต่างๆ ทั้งประเภทต้ม แกง ผัด ทอด หมกแบบอีสานใส่ผักชี เรียกได้ว่าสามารถทำได้ทุกเมนู โดยเฉพาะเมนูทอดเป็นที่นิยมตามตลาดนัดต่างๆ นอกจากนี้ที่ฟาร์มยังเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับผู้ที่สนใจได้มาศึกษาวิธีการเลี้ยงจนสามารถสร้างอาชีพได้ฟรีแบบไม่มีกั๊กข้อมูล เพราะอยากให้ทุกคนได้มีอาชีพเลี้ยงปากท้อง”

นางสุมาลี กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ฟาร์มได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ นางสุมาลี เจ้าของฟาร์มรับว่ามีผลกระทบอย่างหนัก เพราะถือว่าขาดรายได้หลักของฟาร์มไปในช่วงเกือบสองเดือน และแนวโน้มก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นปกติตอนไหนซึ่งก็ต้องรอติดตามข่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับผูัที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 0848889710 หรือที่เฟซบุ๊กชื่อ “แม่สุมาลี ด้วงมะพร้าว (ลูกชายแม่สุมาลี)“ เฟซบุ๊กนี้เฟซบุ๊กเดียวเท่านั้น และไอดีไลน์ apichat_pinij

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.