ยุทธศาสตร์ “ต้นน้ำ-ปลายน้ำ”: จาก “กระท่อม” สู่การคืนชีวิต…เสียงเปิดใจ เลขาฯ ศอ.บต. สู่ “สันติสุข” ที่แท้จริง

202

ในดินแดนที่ชื่อว่า “ชายแดนใต้” ซึ่งมักถูกมองผ่านเลนส์ของความมั่นคงและประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เปิดใจถึงภัยคุกคามที่ท่านเชื่อว่าร้ายแรงไม่แพ้สิ่งใด นั่นคือ “ยาเสพติด” สำหรับท่านแล้ว นี่ไม่ใช่เพียงนโยบายของรัฐบาล แต่คือบาดแผลที่กัดกินรากฐานของสังคมและอนาคตของมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่แค่ในพื้นที่นี้ แต่คือปัญหาที่ข้ามพรมแดนสู่ทุกครอบครัวในประเทศไทย
“ผมคิดว่าถึงไม่ใช่นโยบายสำคัญ ก็เป็นปัญหาสำคัญของพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเรา” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ เริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่น “เพราะยาเสพติดเป็นสิ่งที่บั่นทอนแล้วก็ทำลายรากฐานของครอบครัวไปเลย” คำว่า “รากฐาน” ถูกเน้นย้ำ ราวกับจะบอกว่า ยาเสพติดมิใช่แค่ทำร้ายตัวบุคคล แต่กำลังรื้อถอนโครงสร้างสังคมที่ยึดโยงกันอยู่
ท่านเลขาธิการฯ ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่กว้างขวางเกินกว่าแค่สุขภาพ “บันทอนทรัพยากรมนุษย์เรา คนเราติดยาเสพติด คุณภาพการทำงาน หรืออะไรที่คนจะเชื่อมั่นรับไปทำงานก็น้อยลง การที่เขาจะทำงานมีรายได้ก็ยิ่งยาก” นี่คือภาพวงจรแห่งการสูญเสีย ทั้งศักยภาพส่วนบุคคล และการพัฒนาโดยรวมของพื้นที่ ท่านเชื่อมั่นว่า “บ้านเมืองจะพัฒนาได้หรือพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะพัฒนาได้ ถ้าปัญหายาเสพติดยังรุนแรงอยู่ อย่าหวังเลย จะพัฒนา มันจะบั่นทอนหลายๆ เรื่อง” สำหรับท่านแล้ว การเอาชนะยาเสพติดจึงไม่ใช่แค่ภารกิจ แต่เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่รัฐบาลได้ปักธงให้สำเร็จ
ในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ความท้าทายมีอยู่รอบด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กลับมองเห็น “จุดแข็ง” ที่เป็นเอกลักษณ์ และสิ่งเหล่านั้นคืออาวุธสำคัญในการต่อสู้ “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนา เรื่องความเชื่อ เรื่องชุมชนต่างๆ เรามีความเข้มแข็ง” ท่านกล่าวด้วยแววตาแห่งความหวัง นี่คือมิติที่แตกต่างจากที่อื่น ที่ศาสนาและวิถีชีวิตชุมชนสามารถเป็นเกราะป้องกันและพลังขับเคลื่อนได้
“แนวคิดในการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องรวมพลังกัน” ท่านย้ำชัด “รัฐทำฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ชุมชนทำฝ่ายเดียวทำเองก็ไม่ไหว การต่อสู้อย่างนี้มันเป็นพลัง ผมว่าเราแค่ร่วมกันจับมือทำด้วยกัน สิ่งเหล่านั้นก็เกิดผลได้ไม่ยาก เพราะผมเชื่อว่าทุกคนเห็นว่าปัญหานี้เป็นปัญหาเดียวกัน” การที่ทุกคน “เห็นร่วมกัน” ว่ายาเสพติดคือศัตรูร่วม จึงก่อให้เกิดพลังที่แท้จริง

การขับเคลื่อนนโยบายยาเสพติดที่จับต้องได้เริ่มต้นจากการเป็นวาระเร่งด่วน โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ริเริ่ม “วาระ 120 วันต้องเห็นผล” และ ศอ.บต. ได้รับผิดชอบในส่วนของ “พืชกระท่อม” ซึ่งท่านเลขาธิการฯ มองว่าเป็นปัญหาสำคัญและเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่โดยตรง
“เมื่อเราทำอย่างจริงจัง แล้วเราก็เห็นว่าพี่น้องประชาชนก็จริงจังกับเรา ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรายิ่งต้องขับเคลื่อนให้มีพลัง” ท่านเลขาธิการฯ กล่าวถึงภาพการตอบรับจากชาวบ้าน ที่ลุกขึ้นมาโค่นต้นกระท่อม ประกาศในชุมชนว่าพื้นที่นี้ห้ามจำหน่ายน้ำกระท่อม สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจาก “จิตวิญญาณของความเป็นชุมชนที่อยู่ร่วมกัน เห็นประโยชน์ร่วมกัน”
บทบาทของผู้นำศาสนาถือเป็นแกนกลางสำคัญในยุทธศาสตร์นี้ “ผู้นำศาสนาที่เราเข้าไปร่วมเพื่อให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจกัน ท่านก็เป็นกำลังสำคัญในการทำให้ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหายาเสพติด” และที่ทรงพลังที่สุดคือการที่ผู้นำศาสนา “ประกาศว่าพืชกระท่อมเป็นฮะรอมเลย” (สิ่งต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม) ซึ่งทำให้ชัดเจนว่า “ศาสนายังบอกเลยว่าของเหล่านี้ผิด ดังนั้นวิถีชีวิตคุณก็กับสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของที่มีประโยชน์ในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว” นี่คือการสร้างบรรทัดฐานทางศีลธรรมที่แข็งแกร่ง ให้เป็นภูมิคุ้มกันแก่คนในพื้นที่
ต้นน้ำ: คือการป้องกันไม่ให้มีผู้เสพรายใหม่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ด้วยการรณรงค์ ให้ความรู้ และสร้างกลไกสกัดกั้น
ปลายน้ำ: คือการดูแลผู้ที่พลาดพลั้งไปแล้ว ด้วยการบำบัดฟื้นฟู และที่สำคัญยิ่งคือการ “สร้างอาชีพ สร้างรายได้” เพื่อให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และไม่กลับไปสู่เส้นทางเดิม “หน้าใหม่ต้องไม่เข้า หน้าเก่าต้องไม่กลับ” นี่คือคำขวัญที่ ศอ.บต. ยึดมั่น
“ผมเชื่อว่า 120 วันเห็นผล จากกระแสตอนนี้แล้วทุกคนพร้อมใจกันที่จะทำ” พ.ต.ท.วรรณพงษ์กล่าวด้วยความเชื่อมั่นในพลังที่ได้เห็นจากชุมชน ท่านมองว่าการเอาชนะยาเสพติดคือบันไดขั้นแรกที่สำคัญที่สุด “ถ้าเรื่องนี้เราทำได้ อย่างที่ทุกคนตั้งใจและทุกคนอยากได้ ปัญหาอื่นไม่อยากแล้ว”
คำกล่าวของท่านเลขาธิการฯ สะท้อนถึงปรัชญาที่ลึกซึ้งว่า สันติสุขที่แท้จริงในชายแดนใต้ ไม่ใช่เพียงการไร้ซึ่งความขัดแย้งเชิงความมั่นคง แต่คือการสร้างสังคมที่เข้มแข็งจากภายใน ปราศจากยาเสพติดที่บ่อนทำลายชีวิต สร้างคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ที่สมบูรณ์ และมอบโอกาสให้ทุกคนได้มีชีวิตที่ดี มีศักดิ์ศรี และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.