เจาะสงคราม “กระท่อม” ชายแดนใต้…มากกว่าการปราบปราม คือการต่อสู้เพื่อกอบกู้สังคม

1,306

จากข้อมูลข่าวสารที่มีการนำเสนอจากสื่อมวลชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าภารกิจการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ก้าวเข้าสู่มิติใหม่ที่ซับซ้อนและลุ่มลึกยิ่งขึ้น ภายใต้ปฏิบัติการ “120 วันวาระพืชกระท่อม” และ “No Drugs No Dealers” ซึ่งกำลังสั่นสะเทือนวงการยาเสพติดและสร้างปรากฏการณ์สำคัญที่น่าจับตามอง
ในอดีต ข่าวเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดมักจำกัดอยู่แค่การไล่ล่าและจับกุม แต่ปัจจุบัน ภาพที่ปรากฏคือการต่อสู้แบบบูรณาการที่ไม่ได้ใช้เพียงแค่กำลังเจ้าหน้าที่ แต่ได้ดึงเอาพลังศรัทธาของชุมชนและผู้นำศาสนาเข้ามาเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน ที่หลายฝ่ายมองว่าคือหัวใจสำคัญของการสร้างสันติสุขที่ยั่งยืน
วันนี้เกิดแนวรบด้านนโยบายเมื่อรัฐเข้าถึงรากหญ้า การต่อสู้ในครั้งนี้เริ่มจากระดับนโยบายที่ชัดเจน จากพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ใน “วาระ 120 วันพืชกระท่อม”สู่การปฏิบัติการเชิงรุกของฝ่ายปกครองในทุกอำเภอ มีการระดมกำลัง ปล่อยแถว และไล่ล่าผู้ค้าอย่างจริงจัง ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ภาพสะท้อนจากชาวบ้านและ ส.ส.ในพื้นที่ยังชี้ให้เห็นถึงช่องว่างที่น่ากังวล โดยเฉพาะประเด็นเรื่องผู้ค้ายาเสพติดที่เปลี่ยนกลยุทธ์มาใช้รูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น รวมถึงคำถามจากประชาชนว่า มาตรการที่เข้มข้นนี้จะสามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่ เมื่อรากปัญหาเรื่องผลประโยชน์และอิทธิพลยังคงหยั่งลึก
เกิดแนวรบด้านชุมชน ธรรมนูญหมู่บ้านในฐานะอาวุธสำคัญ หัวใจของปฏิบัติการครั้งนี้คือการที่ชุมชนลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง มีการใช้ “ธรรมนูญหมู่บ้าน” และ “ฮูกมปากัต” (ข้อตกลงร่วมกัน) เป็นเครื่องมือทางสังคมในการประกาศสงครามกับพืชกระท่อม มีผู้นำชุมชนในหลายพื้นที่กล้าที่จะประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับชาวบ้านเพื่อโค่นทำลายต้นกระท่อมและปิดการค้าขายอย่างถาวร ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ “ชุมชนสีขาว” ให้เกิดขึ้นจริงในหลายพื้นที่
แต่การต่อสู้ในระดับชุมชนก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป มีเสียงสะท้อนจากชาวบ้านที่ยังกังวลว่า การทุ่มเทของพวกเขาอาจถูกบั่นทอนกำลังใจจากปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส หรือการที่เจ้าหน้าที่บางส่วนยังคงมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง
อีกทั้งยังเกิดแนวรบด้านจิตใจการบำบัดด้วยพลังแห่งศรัทธา สิ่งที่โดดเด่นในรายงานข่าวคือการให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูจิตใจผู้เสพ โดยเฉพาะในเรือนจำและศูนย์ “มินิธัญญารักษ์” ที่มีการใช้หลักศาสนาเข้ามาเป็นแกนหลักในการบำบัด เป็นการมองผู้ติดยาไม่ใช่แค่ผู้กระทำผิด แต่เป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการเยียวยาด้วยความเข้าใจ ซึ่งเป็นมิติที่ลึกซึ้งและแตกต่างจากการปราบปรามทั่วไป
การบูรณาการระหว่าง ศอ.บต., กรมราชทัณฑ์, และคณะกรรมการอิสลามในพื้นที่ ทำให้เกิด “แดนแห่งโอกาส” ขึ้นในเรือนจำ ซึ่งหวังจะให้ผู้ต้องขังสามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างยั่งยืนในที่สุด
แต่ความหวังที่ต้องเผชิญกับความจริง การขับเคลื่อนครั้งนี้ได้สร้างปรากฏการณ์แห่งความหวังให้กับพื้นที่ชายแดนใต้ โดยมีจุดร่วมคือการดึง “พลังจากรากฐานสังคม” เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในการแก้ไขปัญหา ทว่าความสำเร็จในระยะยาวยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูต่อไป เพราะตราบใดที่ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ, การเมือง, และการทุจริตยังคงอยู่ การต่อสู้กับยาเสพติดก็ยังคงเป็นสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นอย่างแท้จริง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดผู้ติดยาเสพติดว่า รัฐบาลเข้าใจดีถึงช่องว่างที่ผู้ติดยาอาจยังไม่พร้อมในการเข้ารับการบำบัดด้วยตนเอง ดังนั้น จึงกำหนดนโยบายให้ผู้ที่ต้องการเลิกยาเสพติด สามารถเข้ารับการบำบัดได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะถือว่าบุคคลเหล่านั้นมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ในเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขจะเข้ามาบูรณาการการทำงาน โดยมีแนวคิดที่จะให้แพทย์เข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดรักษาด้วย นอกจากนี้ ในระดับพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่นควรช่วยกันผลักดันให้มีการนำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสำเร็จในการทำงาน
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกระท่อม 120 วัน ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ขณะนี้ในทุกพื้นที่ได้รวมพลัง “ไม่เอาพืชกระท่อม” ซึ่ง ศอ.บต. ได้สนับสนุนทุกกิจกรรมผ่านกลไก 9 ดี “ฮูกุมปากัต (ธรรมนูญหมู่บ้าน 9 ดี)” ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมู่บ้านไหนให้ความร่วมมือ ส่วนราชการพร้อมให้การสนับสนุนทุกมิติ ทั้งการพัฒนา การส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืน “อยากให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ จริงใจ และจริงจัง ที่จะขับเคลื่อนร่วมกับภาคประชาชนให้มีส่วนร่วมไปด้วยกันในการแก้ไขปัญหาพืชกระท่อมให้หมดสิ้นไป”

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.