ศอ.บต. จับมือร่วมกับ​สภาอุตสาหกรรม​ปัตตานี​ วางมาตรการคุมเข้ม ป้องกันแรงงานยุ่งเกี่ยวยาเสพติด​ ตามนโยบาย 120 วันต้านกระท่อม

905

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ วันที่ 29 ส.ค. 2568 ที่สำนักงานสภาอุตสาหกรรมประจำจังหวัดปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี นายอิบรอเหม เบ็ญนา หัวหน้าสำนักงานเลขานุการผู้อำนวยการ กสม. ศอ.บต. พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวจ.ปัตตานี เดินทางเข้าพบปะ นางจุฑารัตน์ ไลวานิช ประธานสภาอุตสาหกรรม​จ.ปัตตานี และนายวรุต ชคทิศ รองประธานสภาอุตสาหกรรม​ จ.ปัตตานี เพื่อร่วมพูดคุยหารือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาคแรงงานและสถานประกอบการ โดยเฉพาะปัญหาการบริโภคน้ำกระท่อมที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่

สำหรับการหารือครั้งนี้ถือเป็นนโยบายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้มอบนโยบาย ปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อมใช้ในทางที่ผิด โดยมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการเฝ้าระวังและลดปัญหายาเสพติดในอุตสาหกรรม​

ทั้งนี้สภาอุตสาหกรรมพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการดูแลแรงงานภายในโรงงานไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการยาเสพติดทุกชนิด รวมทั้งมีการตรวจสารเสพติดกลุ่มแรงงานทุกๆเดือน อละการจัดทำระบบเฝ้าระวังภายในสถานประกอบการ รวมถึงการให้ความรู้แก่​ สร้างความเข้าใจแก่แรงงานเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้สารเสพติด​ ซึ่งเกิดผลเสียต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงาน​ ขณะเดียวกันสภาอุตสาหกรรม​ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ มีการกำหนดแนวทางตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของโรงงาน และเพื่อให้แรงงานที่มีคุณภาพ

อจ่างไรก็ตาม​ การพูดคุยระหว่างสภาอุตสาหกรรม​ ​และศอ.บต.​ได้เน้นย้ำถึงการบูรณาการความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาครัฐ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยปราศจากยาเสพติด และส่งเสริมให้แรงงานมีสุขภาพที่แข็งแรง​ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

นายวรุต ชคทิศ รองประธานสภาอุตสาหกรรม​จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ปัญหาพืชกระท่อมในพื้นที่ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากในวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นมีการเกี่ยวข้องกับกระท่อมค่อนข้างมาก คาดว่ากว่า 80% ของประชาชนในพื้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพืชชนิดนี้ หลายคนมองว่ากระท่อมเป็นเสมือนยาชูกำลัง แต่ในความเป็นจริงกลับมีการนำไปปรุงแต่งผสมสิ่งแปลกปลอม จนเกิดผลเสียตามมา

สำหรับ วาระปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อม ถือเป็นนโยบายที่ดี เพราะต้องเข้าใจว่า การดื่มน้ำกระท่อมมักเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่สารเสพติดอื่น ๆ อีกทั้งยังส่งผลเสียอีกมาก ไม่เพียงแค่เรื่องการทำงาน แต่ยังกระทบต่อครอบครัวด้วย ผู้ที่ติดกระท่อมมักมีสุขภาพเสื่อมโทรม เช่น ป่วยเป็นโรคไตตั้งแต่อายุยังน้อย มีปัญหาฟันหลอ ขี้เกียจ ตื่นสาย สิ่งเหล่านี้มันส่งผลต่อคุณภาพงาน และความสัมพันธ์ในครอบครัว จนบางครั้งนำไปสู่การหย่าร้าง สุดท้ายก็กลายเป็นแรงงานที่ไม่มีคุณภาพ

ซึ่งการที่ ศอ.บต. หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่เพียงช่วยชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพสังคมและแรงงาน อีกทั้งยังช่วยสร้างสันติสุขในพื้นที่อีกด้วย

นายวรุต​ เผยตอนท้ายว่า​ ใบกระท่อมอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการนำไปผสมกับเป็น 4 คูณ 100​ ซึ่งทำให้เกิดโทษร้ายแรง ซึ่งเราจึงมีมาตรการตรวจปัสสาวะอย่างต่อเนื่อง หากพบสารเสพติดก็จะเริ่มจากการตักเตือนก่อน เพราะมองว่าผู้เสพคือผู้ที่หลงผิด และควรได้รับโอกาสในการปรับตัว​ ตนมองว่าแรงงานที่ดื่มน้ำกระท่อมไม่ได้เป็นคนไม่ดี แต่เป็นหน้าที่ของเราพวกที่จะช่วยดึงเขากลับมาอยู่ในสังคม และเป็นแรงงานที่มีคุณภาพต่อไป

 

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.