ม.อ.ปัตตานี ขานรับนโยบาย 120 วันต้านพืชกระท่อม​ เดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนห่างไกลยาเสพติด

1,310

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 9 กันยายน2568​ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ม.อ.ปัตตานี ได้ร่วมขับเคลื่อนปฏิบัติการ 120 วันต้านพืชกระท่อมใช้ในทางที่ผิด ตามนโยบายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้ประกาศเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ถือเป็นสถาบันการศึกษาหลักในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างบุคลากรคุณภาพและปลูกฝังให้นักศึกษาเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม โดยเฉพาะการสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เยาวชนยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกรูปแบบ รวมถึง น้ำกระท่อม​ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีและพื้นที่อื่นๆ

โดยที่ผ่านมา ทุกคณะและหน่วยงานในมหาวิทยาลัยได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านการเรียนการสอนและกิจกรรมนอกห้องเรียน ซึ่งอาจารย์และบุคลากรได้เสริมความรู้เรื่องโทษภัยของยาเสพติดให้นักศึกษา พร้อมทั้งส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ในช่วงของวันหยุด เช่น กีฬา กิจกรรมจิตอาสาต่างๆ และกิจกรรมอื่นๆ​ เพื่อให้นักศึกษา​ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนชายได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และห่างไกลจากยาเสพติด

ทังนี้​ ม.อ.ปัตตานียังมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาและองค์กรท้องถิ่นในพื้นที่ปัตตานี ซึ่งถือเป็นความพยายามที่ไม่เพียงป้องกันนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างเกราะป้องกันให้กับเยาวชนในชุมชนของจังหวัดปัตตานีให้ห่าวไกลจากยาเสพติดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม​ มหาวิทยาลัยยืนยันว่า พร่อมเดินหน้าสนับสนุนนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่ ร่วมถึฝเป็นศูนย์กลางสำหรับการสร้างองค์ความรู้และการรวมพลังเยาวชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยให้ปลอดภัยจากยาเสพติดและปัญหาพืชกระท่อมต่อไป

ผูผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บดินทร์ แวลาเตะ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยว่า
ใบกระท่อมเป็นที่นิยมในกลุ่มเยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวนมาก ในฐานะที่มหาวิทยาลัยมีบทบาทในการดูแลและให้ความรู้แก่นักศึกษาและเยาวชน การเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับพิษและผลกระทบจากการบริโภคใบกระท่อมจึงเป็นเรื่องจำเป็น

เราจำเป็นต้องให้ชุมชน นักศึกษา และนักเรียนที่อยู่ในการดูแลของเราเข้าใจถึงโทษและภัยของใบกระท่อม เพราะอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาและครอบครัวได้

ดร.บดินทร์​ เผยอีกว่า มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการดูแลนักศึกษาอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะนักศึกษาที่พักอยู่ในหอพัก ขณะเดียวกันยังเผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่นักศึกษาที่อยู่นอกพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักถึงอันตรายของใบกระท่อม

ดร.บดินทร์​ เผยต​นท้ายว่า การแก้ไขปัญหานี้ไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง มหาวิทยาลัยต้องร่วมมือกับหลายภาคส่วน ทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และบ่มเพาะลูกหลานให้ห่างไกลจากใบกระท่อม​ ซึ่งแม้ว่าใบกระท่อมจะยังถูกกฎหมาย แต่การบริโภคอาจนำไปสู่การเสพสารเสพติดที่ผิดกฎหมายในอนาคต ดังนั้น การสร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่เยาวชน ซึ่งเป็นพลังสำคัญของประเทศ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ปลอดภัยจากยาเสพติดทุกประเภท

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.