รมช.เกษตรฯ ลงพื้นที่ศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล ดันเกษตรกรรมมูลค่าสูงมุ่งสู่ความยั่งยืน

1,306

วันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์ข้าวชุมชน ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เดินทางลงพื้นที่ เพื่อรับฟังข้อมูลด้านการผลิตข้าวและการพัฒนาการเกษตรในจังหวัดเชียงราย โดยมีนางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร บุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 300 คน

ด้าน นายสันติ ไชยา รักษาการผู้อำนวยการกองเมล็ดพันธุ์ข้าว รายงานว่า จังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ปลูกข้าวมากถึง 1,381,737 ไร่ โดยมีการขับเคลื่อน โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ข้าว ตั้งแต่ปี 2559 – 2568 รวม 111 แปลง เกษตรกร 7,192 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 86,100 ไร่ ใน 17 อำเภอ พร้อมทั้งส่งเสริมศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ผ่านเครือข่าย 183 ศูนย์ข้าวชุมชนที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการข้าว ครอบคลุม 81 ตำบลทั่วจังหวัด การจัดงานในครั้งนี้มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้แก่เกษตรกร อาทิอัตลักษณ์ข้าว GI เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงู ข้าวหอมแม่จัน และพันธุ์ข้าว กข.26 โดยศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย มาตรฐานการวิเคราะห์เมล็ดพันธุ์ข้าว โดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพะเยา ผลงานจากศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล

ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบข้อสั่งการสำคัญ ได้แก่ลดต้นทุนการผลิต และผลักดัน “โครงการปุ๋ยแห่งชาติ” ส่งเสริมการผลิตข้าวคุณภาพ เช่น ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียวเขี้ยวงู เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรผ่านการพัฒนาระบบการผลิต ผลักดันการใช้ โซล่าเซลล์เพื่อกระจายน้ำ และสนับสนุน “หมอดิน” ลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกร มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโครงการต่าง ๆ พร้อมทั้งออกแบบการผันน้ำจากน้ำคำ เพื่อใช้โซล่าเซลล์ในการส่งน้ำไปยังคลองชลประทาน เร่งรัดมาตรการเยียวยาเมล็ดพันธุ์ ชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วม รวมถึงการกู้หนี้ยืมสิน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ทันสถานการณ์

หลังจากนั้นคณะได้เดินทางไปยังตำบลป่าสัก โดยรับการต้อนรับจาก นายศุภสัณห์ วิริยะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าสัก ซึ่งรายงานความต้องการปรับปรุงระบบประตูระบายน้ำฝายน้ำล้นดอยจำปี (หมู่ 5 ตำบลป่าสัก) โดยแจ้งที่มาของฝายดังนี้ คือ ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยกรมเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช. เดิม) และต่อมาย้ายภารกิจให้กรมทรัพยากรน้ำภาค 1 ลำปาง ก่อนจะโอนภารกิจให้ อบต. ป่าสัก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2553 ฝายน้ำล้นแห่งนี้มีหน้าที่ทดน้ำและผันน้ำเข้าสู่ลำเหมืองเพื่อการเกษตร และใช้เพื่ออุปโภคบริโภคของเกษตรกรในพื้นที่ ได้แก่ หมู่ที่ 5, 6, 7, 8 ของตำบลป่าสัก และหมู่ที่ 3, 5 ของตำบลโยนก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประตูเปิด–ปิดของฝายใช้งานไม่ได้ บริเวณด้านหน้าฝายมีการทับถมของตะกอนทำให้ตื้นเขินและคับแคบ เมื่อมาถึงฤดูน้ำหลากไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำคำได้ทัน ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ นอกจากนี้ตำแหน่งฝายติดกับถนนพหลโยธินบริเวณโค้งซึ่งเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง กรมทางหลวงจึงมีโครงการปรับปรุงถนนให้ตรง ซึ่งจะส่งผลต่อประตูระบายน้ำ หากต้องรื้อถอนจะไม่สามารถผันน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรได้

ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจึงร้องขอให้ อบต. ป่าสัก ดำเนินการปรับปรุงระบบประตูระบายน้ำขึ้นใหม่ แต่เนื่องจากงบประมาณของ อบต. มีจำกัด จึงได้ขอรับการสนับสนุนด้านการออกแบบจากกรมชลประทาน และการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างจากกรมทรัพยากรน้ำภาค 1 ลำปาง หากได้รับการสนับสนุน ฝายน้ำล้นดอยจำปีจะช่วยฟื้นฟูการส่งน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และช่วยให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี

สำหรับจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 7.2 ล้านไร่ แบ่งการปกครองเป็น 18 อำเภอ 124 ตำบล 1,774 หมู่บ้าน มีประชากรประมาณ 1.29 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่า 162,922 ครัวเรือนประกอบอาชีพเกษตรกรรม คิดเป็นแรงงานภาคเกษตรกว่า 402,033 คน มีพื้นที่เกษตรกรรมครอบคลุมกว่า 50% ของพื้นที่ทั้งหมด พืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ชา กาแฟ สับปะรด และปศุสัตว์ เช่น ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ ไก่เนื้อ สุกร โคเนื้อ รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลานิล ปลาดุก และกุ้งก้ามกราม โดยจังหวัดมุ่งส่งเสริมการเกษตรปลอดภัย ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่เพื่อยกระดับสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูง ภายใต้แนวทาง “เชียงราย เมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ วิถีถิ่นร่วมสมัย สิ่งแวดล้อมสมดุล เกษตรกรรมมูลค่าสูง มุ่งสู่ความยั่งยืน”

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.