กงสุลใหญ่จีนเผย8 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้ารวมระหว่างจีน-ไทยทะลุ 102,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยล่ะ 17.6 พร้อมจับมือสื่ออีสาน ย้ำความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรม
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ต.ค.2568 ที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด นางหลิว หงเหมย กงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ณ จังหวัดขอนแก่น ได้กำหนกจัดกิจกรรมพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนหลักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยมีนายสมบัติ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์ที่ 1 ,นางทรงศิริ แก้วคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น ,น.ส.ปภิณพิทย์ พัวโสพิศ” ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดขอนแก่น,นายชยุต อนุสุริยา ผู้อำนวยการสถานีวิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ,นายจักรพันธ์ นาทันริ ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ขอนแก่น พร้อมสื่อมวลชนภาครัฐและภาคเอกชนร่วมพบปะพูดคุยอย่างพร้อมเพรียง
นายสมบัติ ชัยรัตน์ ผอ.สปท.1 กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและหารือเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและขยายความร่วมมือระหว่างสื่อจีน–ไทยในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามแนวทางการ กระชับสัมพันธ์มิตรภาพ 50 ปี จีน–ไทย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่นางหลิว หมงเหมย กงสุลใหญ่ฯ กล่าวว่า
จีนและไทยมีภูมิประเทศที่เชื่อมโยงกัน วัฒนธรรมที่ใกล้ชิด และสายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่แน่นแฟ้น มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศดำรงอยู่มายาวนานหลายพันปี ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ของเราก้าวหน้าอย่างมั่นคงเสมอมา และในเบื้องหลังของความสำเร็จนั้น สื่อมวลชนล้วนมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งประเทศไทยได้รับสมญานามว่าเป็น สยามเมืองยิ้ม ภาพลักษณ์อันอบอุ่นนี้ฝังแน่นอยู่ในใจของประชาชนชาวจีน ซึ่งต้องขอบคุณการนำเสนออย่างแข็งขันของสื่อจีน ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม วิถีชีวิต และมิตรภาพระหว่างไทย–จีน ในทำนองเดียวกัน สื่อของไทยเองก็ได้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ของประเทศจีนที่มีความสมจริง น่าเข้าถึง และน่าชื่นชมแก่ประชาชนชาวไทย ผ่านการรายงานกิจกรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน การเผยแพร่เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนการนำเสนอความเคลื่อนไหวด้านการพัฒนาของจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมทัศนคติในเชิงบวกของประชาชนชาวไทยที่มีต่อประเทศจีน
“ขณะเดียวกัน การแพร่กระจายของข่าวในเชิงลบก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างไม่อาจมองข้ามได้ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สถานการณ์ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับข่าวเชิงลบในด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยตัวอย่างเช่น กรณีของนายหวังซิง นักแสดงชาวจีน ที่ถูกลักพาตัวบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวจีนในไทยถูกรายงานว่าถูกไกด์ข่มขู่และบังคับให้ซื้อสินค้า ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่ออย่างกว้างขวาง เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเพิ่มความวิตกกังวลของนักท่องเที่ยวจีนต่อความปลอดภัยในการเดินทางมาประเทศไทย แม้ว่ารัฐบาลไทยและผู้ประกอบการท่องเที่ยวกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการยกระดับคุณภาพบริการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่เงาของข่าวด้านลบเหล่านี้ ยังคงต้องใช้เวลาในการคลี่คลาย อีกด้านหนึ่ง การรายงานข่าวเกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมในประเทศไทย โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ ทุนจีนสีเทา ก็มีลักษณะของการเสนอข่าวที่เกินจริงอยู่บ้างเช่นกัน”
นางหลิว กล่าวต่อว่าปัจจุบันจีนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 130 ล้านล้านหยวน เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นหนึ่งในสามคู่ค้าหลักของกว่า 157 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยมีสัดส่วนการสนับสนุนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 30 ในครึ่งปีแรกของปีนี้ GDP ของจีนเติบโตขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 และมูลค่าการส่งออกเติบโตขึ้นร้อยละ 7.2 จีนยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาที่เน้น ประชาชนเป็นศูนย์กลาง จนสามารถสร้างระบบการศึกษา ประกันสังคม และสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดความยากจนของโลกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยล่ะ 70 ซึ่งล้วนเป็นการมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการผลักดันการพัฒนาของทั่วโลก อย่างไรก็ตามปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย และ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย เมื่อปีพ.ศ.2521 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ที่เพียง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปีพ.ศ. 2534 ได้เพิ่มขึ้นเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2568 มูลค่าการค้ารวมระหว่างจีน-ไทยอยู่ที่ 102,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยล่ะ 17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 12 เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย และยังเป็นแหล่งนักลงทุนต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของไทยนอกจากนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เราได้ดำเนินโครงการความร่วมมือด้านการขจัดความยากจนใน จ. ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และนครพนม รวมมูลค่าความช่วยเหลือ 5.64 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมอาชีพ เช่น ตัดผม เลี้ยงสัตว์ รับเหมาก่อสร้าง และร้านอาหารขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้หลายครอบครัวสามารถพึ่งพาตนเองได้ คำนึงถึงภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นบ่อยในภาคอีสาน เราได้สนับสนุนโครงการสร้างฝายเก็บน้ำใน จ.ขอนแก่น เพื่อกักเก็บน้ำในฤดูฝนและใช้ในฤดูแล้ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่และ 100 ครัวเรือน ช่วยให้สามารถปลูกข้าวได้ถึง3 รอบต่อปี การแก้จนต้องเริ่มจากการสร้างกำลังใจ สถานกงสุลใหญ่ฯ มุ่งหวังเสริมพลังความเชื่อมั่นให้แก่ชาวบ้าน และในการนี้ สื่อมวลชนก็มีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการบันทึก ถ่ายทอด และจุดประกายแรงบันดาลใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่อีกด้วยอย่างไรก็ตามสถานกงสุลฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้สร้างความความร่วมมือในการทำงานกับทุกท่านที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการแบ่งปันข้อมูลและการผลิตเนื้อหา ร่วมกันเล่าเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างจีน–ไทยให้กว้างไกล และช่วยผลักดันความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้ก้าวไปสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้น
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.