ร่วมด้วยช่วยกัน! เปิด ‘ครัวสร้างสุข’ ส่งธารน้ำใจสู่ ปัตตานี-สงขลา

3,024

ท่ามกลางมวลน้ำที่ยังคงโหมกระหน่ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สายน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือน ไม่เพียงพัดพาความเสียหายมาสู่ทรัพย์สิน แต่ยังเปรียบเสมือนสิ่งที่กำลัง “กัดกร่อน” ขวัญและกำลังใจของผู้ประสบภัยให้ถดถอยลงทุกขณะ ในห้วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ “ความรวดเร็ว” ในการเข้าถึง และ “ความร่วมมือ” ที่ไร้รอยต่อ จึงเป็นกุญแจดอกสำคัญที่สุดในการไขประตูสู่การบรรเทาทุกข์

ล่าสุด ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ไม่ได้เดินหน้าภารกิจกู้ขวัญนี้เพียงลำพัง แต่ได้ผนึกกำลังครั้งสำคัญร่วมกับ สมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ (JSD-South) และเครือข่ายภาคประชาสังคมที่เข้มแข็งอย่าง ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ รวมถึง กลุ่มการจัดการจุดเสี่ยงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน เปิดปฏิบัติการเชิงรุกภายใต้โครงการ “ครัวสร้างสุข เพื่อผู้ประสบภัย”

ปฏิบัติการครั้งนี้ได้เนรมิตพื้นที่ของ ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ ให้กลายเป็น “ฐานบัญชาการครัวสนาม” บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความขะมักเขม้นและไออุ่นจากเตาไฟ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครต่างระดมกำลังช่วยกันปรุงอาหารสดใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพี่น้องผู้ประสบภัยจะได้รับประทานอาหารที่ร้อน ปรุงสุก และถูกสุขลักษณะ

เมนูหลักที่ถูกคัดสรรในวันนี้คือ “ข้าวกะเพราไก่ ไข่ดาว” แม้จะเป็นอาหารจานเดียวที่ดูเรียบง่าย แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพลังงาน กลิ่นหอมของใบกะเพราและไข่ดาวทอดใหม่ๆ ที่บรรจุลงกล่องพร้อมทาน คือสัญลักษณ์รูปธรรมของ “ความห่วงใย” ที่ส่งตรงจากผู้ให้ถึงมือผู้รับ โดยมีเป้าหมายสำคัญไม่ใช่เพียงแค่ให้ “อิ่มท้อง” แต่ต้องเยียวยาความรู้สึกให้ “อิ่มใจ” เพื่อให้พวกเขารับรู้ว่าในยามยากลำบากที่สุด พวกเขาไม่เคยถูกทอดทิ้ง

ภารกิจลำเลียงเสบียงรักครั้งนี้ มุ่งเน้นเจาะจงไปยังจุดวิกฤตและพื้นที่ที่เข้าถึงยาก โดยมีการกระจายกำลังลงพื้นที่อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะ พื้นที่ บ้านตะบิงตีงี ต.ลูโบะยิไร, บ้านราเกาะ ต.เกาะจัน อ.มายอ และ ต.เตราะบอน อ.สายบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านกำลังเผชิญความยากลำบากในการดำรงชีพ และ เปิดครัวเคลื่อนที่รุกเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายสำคัญ ได้แก่ “บ้านลำไพลตก” หมู่ที่ 2 ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 600 คน และพื้นที่วิกฤตอย่าง “บ้านลำเปา” หมู่ที่ 13 ต.ลำไพล อ.เทพา ที่ทีมงานต้องนำส่งอาหารให้ถึงมือชาวบ้านกว่า 215 ครอบครัว (รวมประชากรกว่า 1,000 คน)

นอกเหนือจากการส่งมอบอาหาร ทีมงานภาคีเครือข่ายยังได้ระดมแรงกายเข้าช่วยเหลือในภารกิจเร่งด่วน ทั้งการ ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เสี่ยงมาอาศัยอยู่ในเต็นท์พักพิงชั่วคราว
“ในจุดนี้ โดยปกติของทุกปี ชาวบ้านจำต้องอาศัยกินนอนอยู่ในเต็นท์เป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ซึ่งในปีนี้สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วง เนื่องจากระดับน้ำกำลังเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การใช้ชีวิตในเต็นท์เต็มไปด้วยความยากลำบาก”

“ครัวสร้างสุข” สะท้อนให้เห็นมิติใหม่ของการทำงานในชายแดนใต้ ที่หน่วยงานรัฐอย่าง ศอ.บต. ทำหน้าที่ “หนุนเสริม” ทรัพยากร และปล่อยให้กลไกภาคประชาสังคมและสื่อมวลชนในพื้นที่ ซึ่งมีความรู้ลึกรู้จริงในภูมิประเทศ เป็นทัพหน้าในการเข้าถึงชาวบ้าน ผนวกกับความเชี่ยวชาญของ กลุ่มการจัดการจุดเสี่ยงฯ ที่เข้ามาช่วยวางแผนเส้นทางลำเลียงความช่วยเหลือฝ่ากระแสน้ำ ทำให้ภารกิจเป็นไปอย่างปลอดภัย ในยามที่ฝนยังไม่หยุดตก และระดับน้ำยังทรงตัว “น้ำใจ” จากคนไทยด้วยกัน คือ “เขื่อน” กั้นความทุกข์ที่แข็งแกร่งที่สุด

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.