ช่วงเช้าวันที่ 24 พ.ค.59 จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักนักเรียนหญิงของโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยาของมูลนิธิพันธกิจสุขสันต์ (องค์กรสาธารณประโยชน์) เลขที่ 9 ม.11 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า เป็นเหตุให้นักเรียนหญิงตั้งแต่อนุบาล 1-ประถมศึกษาปีที่ 6 เสียชีวิตจำนวน 17 คน บาดเจ็บ 5 คนนั้น พบว่าภายในบริเวณโรงเรียนดังกล่าวยังคงอบอวนไปด้วยบรรยากาศที่น่าสลดใจเมื่อบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองโดยเฉพาะผู้เป็นแม่ต่างเดินทางไปยังบริเวณด้านหน้าบ้านพักดังกล่าว เพื่อไปดูและหาเก็บรองเท้าของบุตรหลานที่วางเอาไว้บริเวณชั้นวางด้านหน้าบ้านพัดดังกล่าว ขณะที่บางคนนำข้าวและน้ำดื่มไปวางไว้ที่บันไดด้านหน้าพร้อมทำพิธีสวดตามภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ตนเองและมีเสียงร้องไห้กันดังระงมเป็นที่เวทนาต่อเจ้าหน้าที่และผู้ที่อยู่บริเวณดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่เสียชีวิตดังกล่าวยังคงรอคอยที่จะรับศพของบุตรหลานไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ภูมิลำเนาโดยส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ แต่เนื่องจากมีศพที่สามารถทราบรูปพรรณสันฐานเดิมได้เพียงจำนวน 5 ราย ส่วนที่เหลือถูกเพลิงเผาไหม้จนดำจึงไม่สามารถแยกแยะบุคคลได้ ทำให้มีการนำศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และเจาะเลือดพ่อแม่เพื่อนำไปตรวจหาดีเอ็นเอแล้วนำไปตรวจสอบกับศพเพื่อมอบให้ญาตินำไปจัดการตามประเพณีต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ประหยัด สิงสิน ผกก.สภ.เวียงป่าเป้า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราบริเวณด้านรอบบ้านพักดังกล่าวโดยมีล้อมด้วยเชือกเอาไว้เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่จะเดินทางเข้าไปตรวจหาหลักฐานภายในอีก รวมทั้งเริ่มนัดสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายคดีโดยเฉพาะครูผู้หญิง 1 คน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ช่วยเหลือเด็กโรยตัวออกจากบ้านพักก่อนที่ตัวเองจะบาดเจ็บไปอีกคน
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ทาง พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ธนยินทร์ เทพรักษา ผบก.ภ.เชียงราย มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแบ่งคณะทำงานเป็นฝ่ายสืบสวนและสอบสวนรวมทั้งประสานการช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ประสบเหตุได้รับสิทธิและการช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อการเยียวยาอย่างเต็มที่
นางปราณี สัตย์ธัญญากูล อายุ 29 ปี มารดาของ ด.ญ.จันทรา แซ่วะ นักเรียนชั้น ป.2 และหลานสาวชื่อ ด.ญ.ขวัลลักษณ์ แซ่เล่า ชั้น ป.2 ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กล่าวว่าลูกสาวและหลานสาวของตนเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้และกินนอนอยู่เตียงเดียวกันมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว เมื่อมาเสียชีวิตพร้อมกันเช่นนี้ทำให้ตนเสียใจอย่างมาก และอยากจะรับศพของลูกและหลานไปจัดการตามประเพณีแต่เนื่องจากไม่มีเค้าเดิมจึงต้องรอผลการตรวจโดยเจ้าหน้าที่ให้รอถึงเวลา 17.00 น.วันเดียวกันนี้ ส่วนที่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลการตรวจจะออกมาอีก 2 สัปดาห์นั้นตนคงทนรอไม่ไหว เพราะไม่อยากกลับไปบ้านก่อนแล้วกลับมารับศพทำให้เสียใจหนักกันอีกรอบ.
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.