วันที่ 25 ก.ค.59 ที่ สภ.เชียงแสน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้พยายามติดตามหาตัว น.ส.กาบแก้ว หญิงสาวชาวเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งเป็นอดีตคนรับใช้ของนางม ณตา หยกรัตนกาญหรือนางไก่ ผู้ต้องหาหลายคดีและเคยแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.กาบแก้ว ว่าลักทรัพย์มูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท ก่อนที่ น.ส.กาบแก้ว จะหลบหนีข้ามฝั่ง สปป.ลาว มื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา ทาง พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์ นำคณะไปติดต่อกับ น.ส.กาบแก้ว เพื่อให้เดินทางมาให้ปากคำที่ สภ.เชียงแสน โดยจะนำเงินกองทุนยุติธรรม กระทรวง ยุติธรรม ไปช่วยประกันตัวในคดีที่เจ้าตัวถูกแจ้งความ แต่ปรากฎว่าวันดังกล่าว น.ส.กาบแก้ว ไม่ได้เดินทางมา
โดยในวันนี้ น.ส.กาบแก้ว พร้อมแฟนหนุ่มได้นั่งเรือโดยสารข้ามแม่น้ำโขง เพื่อเดินทางมาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายที่บ้านของต้นเอง ที่บ้านต้นผึ้ง ฝั่ง สปป.ลาว โดยมาขึ้นที่ท่าเรือด่านถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบ รวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และเมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)เชียงแสน จึงแสดงตัวขอมอบตัวตามหมายจับคดีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่จึงพาเข้าพบกับ พ.ต.อ.ณัชธฤต ปิ่นปัก ผกก.ด่าน ตม.เชียงแสน เพื่อสอบสวนเบื้องต้นและให้พักอยู่ภายในห้องประชุมเพื่อรอทางพนักงานสอบสวนนครบาลเดินทางมาสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนทางคดี โดยมีการนำเงินจากองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม จำนวน 100,000 บาท ไปช่วยประกันตัวในคดีเก่าเพื่อจะได้สอบปากคำและสอบถามข้อมูลประกอบเรื่องราวต่างๆ ขณะที่เคยเกี่ยวข้องกับนางมณตา
โดยทาง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผบช.น.และคณะได้เดินทางไปพบกับ น.ส.กาบแก้ว ที่ด่าน ตม.เชียงแสน ก่อนจะทำการสอบสวน โดย น.ส.กาบแก้ว ให้ข้อมูลว่า ตนมีภูมิลำเนาเดิมเป็นชาว เมืองหลวงน้ำทา แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว และเมื่อตนอายุได้ราว 18 ปีได้รับการติดต่อจากให้เข้ามาทำงานทีประเทศไทยผ่านทางนครเวียงจันทร์และเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยทาง จ.หนองคาย ซึ่งนางไก่ บอกว่าจะให้เงินเดือน 6,000-8,000 บาท เพื่อทำงานรับใช้ที่บ้านแต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่ได้รับเงิน ตามที่ตกลงเอาไว้ กลับได้รับเงินครั้งละ 500-1,000 บาทเท่านั้น จนทำงานมาได้ 1 ปี ต้องออกไปต่อวีซ่าที่นคร เวียงจันทร์ จึงได้เดินทางไปพร้อมกับคนลาวด้วยกันจากนั้นก็ไม่กลับมาประเทศไทยอีก
จากนั้นประมาณ 1 เดือนต่อมา ตนอยากกลับไปทำงานที่ประเทศไทยอีกจึงติดต่อไปยังนางไก่อีกครั้ง ซึ่งนางไก่ ก็บอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยให้เงินจึงจะโอนเงินค่าเดินทางให้และให้ไปหาที่ จ.หนองคาย ซึ่งตนก็ไม่ โกรธและได้เดินทางไปหาด้วยดี แต่เมื่อกลับเข้ามาที่ จ.หนองคาย ก็ทราบว่าตนจะถูกจับแล้วเพราะไปลักทรัพย์โดยมีการสอบถามว่าตนนำทรัพย์สินเหล่านั้นไปไว้ที่ไหน ทำให้ตนรู้สึกงงอย่างอย่างมาก และถึงกับ ร้องไห้ออกมา
น.ส.กาบแก้ว กล่าวอีกว่า ในครั้งแรกนั้นบอกตนว่าจะขอสัญชาติไทยให้ และถ้าได้พาสปอร์ตแล้วก็จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ ต่อมาเมื่อตนจะกลับไปอยู่ด้วยเป็นรอบที่ 2 กลับบอกว่าตนไปเอาทรัพย์สินไป และยัง มีการข่มขู่ตนให้เลือก 2 ทางคือให้ทำงานกับคุณนายต่อไปหรืออีกทางเลือกคือต้องติดคุก ดังนั้นเมื่อตนทำงานอยู่ด้วยอีก ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงได้โอกาสเดินทางกลับ สปป.ลาว และไปอยู่กับแฟนหนุ่มที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้าม อ.เชียงแสน จนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผบช.น.และคณะได้ทำการสอบปากคำ น.ส.กาบแก้ว เสร็จแล้ว ก็ได้ไม่ได้นำตัวไปสอบปากคำที่กรุงเทพฯ แต่อย่างใดโดยให้เดินทางกลับภูมิลำเนาได้ตามเดิม ซึ่งทาง พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้แจ้งต่อ น.ส.กาบแก้ว และแฟนหนุ่มที่ไปด้วยว่าการเดินทางไปพบกับ น.ส.กาบแก้ว ครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อให้ 2 คน ส่วนในเรื่องของความเป็นธรรมนั้นถ้าไม่ได้กระทำ ความผิดก็ไม่ต้องกังวลโดยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยการให้ข้อมูลตามความเป็นจริงซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยืนจะให้ความเป็นธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.