ที่สำนักงานยาสูบ จ.เชียงราย ได้มีชาวไร่ยาสูบจากสมาคมผู้บ่ มเพาะผู้เพาะปลูกและผู้ค้ าใบยาสูบ จ.เชียงราย และพะเยา และชมรมชาวไร่บ่มเองป่าก่อดำ ชมมชาวไร่บ่มเองเวียงพางคำ และชมรมชาวไร่บ่มเองป่าสักขวาง นำโดยนายอลงกรณ์ ผาทอง นายกสมาคมฯ และประธานชมรมต่างๆ ดังกล่าวรวมประมาณ 100 คน ได้ไปชุมนุมกันเพื่อยื่นหนังสื อเรียกร้องไปถึง พล.ท.สุรไกร จัตุมาศ ประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสู บ เพื่อขอให้ ทางคณะกรรมการทบทวนกรณี จะลดราคารับซื้อใบยาสูบฤดูกาล 2560-2561 ลงอีกกิโลกรัมละ 2 บาทในปีนี้หลังจากปีผ่ านมาเคยลดลงมาแล้ว 2 บาทจึงรวม 2 ปีลดราคาลงกว่า 4 บาท ซึ่งทางนายปณต ยศปัญญา ผู้จัดการสำนักงานยาสูบเชียงราย ได้เข้ารับเรื่องและหารือเพื่ อหาข้อยุติกับกลุ่มชาวไร่
โดยชาวไร่ระบุว่าที่ผ่านมาเคยมี โรงบ่มยาสูบใน จ.เชียงราย ประมาณ 40-50 แห่งแต่ปัจจุบันเหลือเพียง 4-5 แห่ง เพราะคนปลูกต้องเลิกและเปลี่ ยนไปทำอาชีพอื่นทุกปีเพราะสู้ เรื่องราคาไม่ไหว โดยราคาขายปี 2558 ที่ผ่านมาพบว่าอยู่ที่กิโลกรั มละ 92-93 บาท แต่ปี 2559 เหลือเพียง 90 บาทหากลดราคาลงอีกคงเดือดร้ อนหนักจึงขอให้คณะกรรมการได้ ชะลอหรือทบทวนมติดังกล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวว่าที่ผ่านมาโรงงานยาสูบมี แนวทางลดรายจ่ายภายในทำให้ในปี 2559 สามาถเพิ่มกำไรจากกิจการยาสู บได้กว่า 1,000 ล้านบาท และยอดขายบุหรี่ก็ไม่ได้ ตกลงรวมทั้งกลับได้กำไรเพิ่มขึ้ นทำให้พนักงานต่างได้โบนัสเพิ่ มขึ้นมากกว่าทุกปีมาแล้ว จึงสงสัยว่าในฐานะผู้ผลิ ตใบยาอย่างพวกเรากลับต้องเดื อดร้อนหนักเพราะมีการลดราคาลงติ ดๆ กัน 2 ปีซ้อน จึงอยากให้มีการปรึกษาหารื อชาวไร่กันก่อนที่จะมีมติปรั บลดราคาใดๆ ไม่ใช่ดำเนินการอย่างกระทันหั นเพราะทำให้ชาวไร่ปรับตัวไม่ทัน
นายสุรศักดิ์ สิงหเสนี อดีตนายกสมาคมผู้บ่มใบยาสูบ เชียงราย-พะเยา กล่าวว่าที่ผ่านมาโรงงานยาสู บเคยจ้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่วิ จัยต้นทุนการผลิตใบยาสูบด้ วยงบประมาณกว่า 2 ล้านบาทมาแล้ว จึงขอให้เปิดใช้ต้นทุนหรือปรึ กษาหารือกับชาวไร่ก่อนจะมีมติ ใดๆ ด้วย
นายบดินทร์ กินาวงศ์ แกนนำชาวไร่ยาสูบอีกคน กล่าวว่าชาวไร่แต่ละคนทำยาสูบกั นมา 30-40 ปีจึงว่าอยู่คู่กับโรงงานยาสู บมานาน แต่ปรากฎว่าในฐานะองค์กรภาครั ฐกลับเป็นองค์กรเดียวที่แก้ไขปั ญหาไม่เหมือนพืชชนิดอื่นที่ เขามีแต่จะหาวิธีเพิ่มราคารับซื้ อให้เกษตรกร เช่น กรณีพืชอ้อยมีคณะกรรมการแก้ ไขปรับเพิ่มราคาจากเดิมกิโลกรั มละ 30-70 บาทเมื่อเห็นว่าไม่พอก็เพิ่มให้ เป็น 35-75 บาท เป็นต้น แต่มีเพียงโรงงานยาสูบกลับปรั บลดลงเรื่อยๆ จึงขอให้มองชาวไร่เป็นเหมื อนประชาชนที่รัฐต้องดูแลด้ วยเพราะถึงที่สุดแล้วพวกเราก็ อยากจะไปพบกั บคณะกรรมการโดยตรงเพื่อแจ้งปั ญหาให้ทราบหากว่ายื่นหนังสือต่ อหน่วยงานองค์กรต่างๆ แล้วไม่เห็นผล
ด้านนายปณต ยศปัญญา ผู้จัดการสำนักงานยาสูบเชียงราย ได้ชี้แจงกับชาวไร่ยาสูบว่ าโรงงานยาสูบเป็นองค์กรของรั ฐประเภทแสวงหากำไรและกรณีดังกล่ าวอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ ของตนแต่ก็ยังไม่ได้มีคำสั่งอย่ างเป็นทางการให้โรงงานยาสูบรั บซื้อในราคาตามที่ชาวไร่ระบุดั งกล่าวแต่อย่างใด กระนั้นก็ขอแจ้งสถานการณ์ต่ อชาวไร่ว่าในปัจจุบันสถานการณ์ ยาสูบของไทยไม่ดีเลย เพราะต้นทุนในต่ างประเทศโดยเฉพาะใบยาสู บจากประเทศอินเดียต่ำกว่ าไทยเรามากและถ้าไม่มีมีสิ่ งใดเปลี่ยนแปลงก็จะมีการปรั บภาษีบุหรี่ขึ้นอีกซองละ 7 บาทด้วย ดังนั้นจึงอยู่ที่ คณะกรรมการจะพิจารณาต่อไป ส่วนทางโรงงานยาสูบในฐานะภาครั ฐและอยู่คู่ชาวไร่มานานก็เห็ นใจอย่างมาก ทั้งนี้ล่าสุดทราบว่ากำลังมี การเจรจากับประเทศจีนเพื่อขอรั บจ้างผลิตให้เพราะมีการบริ โภคในประเทศจีนสูงจึงขอให้ ชาวไร่ได้อดทนรอก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าอย่ างไรก็ตามการประชุมหารือระหว่ างสำนักงานยาสูบเชียงรายกับกลุ่ มชาวไร่ยาสูบเชียงราย-พะเยา ไม่ได้ข้อยุติเพราะทางเจ้าหน้ าที่ไม่สามาถรับปากจะช่วยเหลื อตามข้อเสนอให้ได้ ทำให้ชาวไร่ส่งตัวแทนไปยืนหนั งสือต่อนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย ซึ่งนายลิขิต มีเสรี หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงราย ได้เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือก่ อนที่ชาไร่จะแยกย้ายกันไป
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.