ปลุกความหวัง กระทรวงยุติธรรมเดินหน้า “ศูนย์พักคอย” สู้ปัญหายาเสพติดชายแดนใต้ ลดการกลับไปเสพซ้ำ สร้างโอกาสชีวิตใหม่
ในความพยายามอันเร่งด่วนที่จะสกัดกั้นวงจรการกลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ และคืนศักดิ์ศรีให้ผู้ผ่านการบำบัด พลตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กำลังผลักดันการจัดตั้ง “ศูนย์พักคอยผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติด (Community Isolation: CI)” ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สงขลา สตูล นราธิวาส ปัตตานี และยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เผชิญกับความท้าทายอย่างยิ่งในด้านการบำบัดฟื้นฟู
ศูนย์พักคอยจังหวัดขอนแก่น ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ การนำบทเรียนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาปรับใช้ในบริบทของภาคใต้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากพื้นที่ชายแดนใต้ประสบปัญหาการขาดแคลนเตียงในสถานบำบัด การจำหน่ายผู้ป่วยก่อนกำหนด และที่สำคัญคือการขาดระบบรองรับหลังออกจากสถานพยาบาล ทำให้ผู้ผ่านการบำบัดจำนวนมากเสี่ยงต่อการหวนคืนสู่วังวนยาเสพติด
เสียงสะท้อนจากพื้นที่: ความพร้อมและอุปสรรค
ผู้แทนจากทั้ง 5 จังหวัด ได้นำเสนอข้อคิดเห็นที่หลากหลาย ซึ่งสะท้อนทั้งความพร้อมและความท้าทายในการขับเคลื่อนโครงการนี้
- สงขลา: แสดงความพร้อมที่จะปรับใช้ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมที่มีอยู่ 16 แห่งให้เป็นศูนย์พักคอย โดยคาดหวังการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
- สตูล: ชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับการผลักดันของผู้ว่าราชการจังหวัด และเน้นย้ำถึงข้อจำกัดด้านบุคลากร งบประมาณ รวมถึงการเคารพอัตลักษณ์ของชุมช
- นราธิวาส: เสนอให้สำนักงาน ป.ป.ส. กำหนดรูปแบบการดำเนินงานและกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและอุปกรณ์พื้นฐาน
- ปัตตานี: มีความพร้อมด้านสถานที่และทีมงาน แต่กังวลเรื่องงบประมาณในการบริหารจัดการศูนย์
- ยะลา เสนอให้มีเกณฑ์กำหนดระยะเวลาการพักคอยที่ชัดเจนเพื่อป้องกันความแออัด และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน การส่งเสริมอาชีพ และการพัฒนาคุณภาพงานบำบัดอย่างยั่งยืน
พลตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของศูนย์พักคอยว่าเป็น “กลไกสำคัญในการเชื่อมต่อ” ระหว่างการรักษาในสถานพยาบาลกับการกลับเข้าสู่ชีวิตจริง การดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการบำบัดไม่เพียงลดโอกาสการกลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ผ่านการบำบัดได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีอาชีพ และได้รับการยอมรับจากสังคมอีกครั้ง ท่านเน้นย้ำว่าโครงการนี้จะสำเร็จได้ต้องอาศัย “พลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐ อปท. และที่สำคัญที่สุดคือ “ชุมชน” ที่ต้องตระหนักร่วมกันว่าปัญหายาเสพติดเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน
ด้าน นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอแนะให้มีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนเข้าใจบทบาทของตนเองในการแก้ไขปัญหา และไม่ผลักภาระให้ภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว รวมถึงส่งเสริมบทบาทของ อปท. ในการสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากร
ขณะที่ สำนักงาน ปปส.ภาค 9 ได้วางแนวทางการขับเคลื่อนโครงการในระยะถัดไป โดยจะผลักดันให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในพื้นที่ให้ความสำคัญกับการจัดตั้งศูนย์พักคอย สนับสนุนจาก อปท. ด้วยคำสั่งจากส่วนกลางเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเกิดขึ้นได้จริง โดยในระยะแรกควรจัดตั้งศูนย์พักคอยอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ปรับปรุงระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการดูแลผู้ผ่านการบำบัด จากแบบเหมาจ่ายเป็นแบบรายหัว เพื่อให้สามารถรองรับผู้เข้ารับบริการได้ทุกวันและสนับสนุนการดำเนินงานได้อย่างแท้จริง
การเดินหน้าโครงการศูนย์พักคอย CI นี้ จึงไม่เพียงเป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่ยังเป็นการจุดประกายความหวังให้แก่ผู้ที่กำลังต่อสู้กับยาเสพติด ให้พวกเขามีโอกาสกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งจะนำมาซึ่งความเข้มแข็งและความมั่นคงของชุมชนในระยะยาว
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.