พุทธ-คริสต์-อิสลาม ยืนยัน ครอบครัว ชุมชนมีความรัก-เข้าใจ แก้ปัญหากระท่อม ยาเสพติดได้ดี

280

ในวาระเรือนจำกลางปัตตานี จัดกิจกรรม “ครอบครัวสัมพันธ์ เยี่ยมญาติใกล้ชิด” ขึ้นอย่างอบอุ่น โดยมี นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. นายศรชัย ตลาสุข ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี ร่วมให้กำลังใจผู้ต้องราชทัณฑ์และญาติอย่างใกล้ชิด

พร้อมทั้งได้มีการพูดคุยในแนวทางของแต่ละศาสนา(พุทธ คริสต์ อิสลาม) ในแนวทางการแก้ไขจากนโยบาย “วาระกระท่อม” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

“ศาสนาคริสต์ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำลายสุขภาพ เกิดการมึนเมา สติไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ร่างกายของมนุษย์เป็นวิหารของพระเจ้า พระเจ้าสร้างมาดีที่สุด การเจ็บป่วย เสียสุขภาพจิต ถ้าเราเสพ กิน ดื่ม แล้วสูญเสียไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทำให้พระวิหารของพระเจ้าผิดจากโครงสร้าง ไม่พึงประสงค์ ในพระคัมภีร์บอกว่า อะไรก็ตามที่กิน ดื่ม ทำให้จิตวิญญาณหลุดจากแนวทางของพระเจ้า หากทำให้ไม่ถวายเกียรติแก่พระเจ้า เป็นการไม่ยอมรับจากพระเจ้า” นายบุณยโชติ บุณยเกียรติ นายกสมาคมคริสตชนจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงยาเสพติดที่มีผลเสียและไม่ได้รับการยอมรับจากพระเจ้า

ปัจจุบันคริสตชนในปัตตานีมีไม่ถึง 1,000 คน เมื่อก่อนมีมากกว่านี้ เมื่อไม่มีคนดูแลทางจิตวิญญาณก็ย้ายออกไปที่อื่น นายกสมาคมคริสตชนฯ บอกว่าเยาวชนคริสต์ที่มีปัญหายาเสพติดมีเปอร์เซ็นต์น้อย ไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนภาพรวมมี 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ฟื้นฟูได้เร็ว จากการให้คำปรึกษา ใส่ใจ ดูว่าสิ่งใดที่ทำให้เกิดปัญหา เขาเชื่อว่าการได้รับคำปรึกษาจากผู้นำทางศาสนาคือสิ่งที่ดีที่สุด

“การมาเจอเพื่อนที่ดีทุกสัปดาห์ ผู้ให้คำปรึกษา ผู้นำทางศาสนาที่จะคอยชี้แนะคือ การป้องกันและแก้ไขที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ในการเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์คือการรวมคนในชุมชนไว้ด้วยกัน สร้างชุมชนที่ดีเริ่มที่จิตวิญญาณ จิตใจ สภาพสังคม ความคิด ร่างกาย

ที่โบสถ์มี 2 แนวทางคือ การป้องกัน ให้ภูมิคุ้มกันด้วยความรักความเข้าใจ ให้มอง 3ส. เป็นสิ่งสำคัญคือ สุขภาพ ความสัมพันธ์ สังคม ต้องรักษาไว้ หากสูญเสียต้องนำมาสู่แนวทาง แก้ไข ให้ภูมิคุ้มกัน วิธีคิด เป็นหลักที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ล การฟื้นฟู หลักของการให้อภัย ให้คำปรึกษา สิ่งที่คริสตจักรช่วยได้คือการเติมเต็ม มองว่าสภาพสังคมที่เป็นบ่อนทำลาย ต้องเติมเต็มด้วยชุมชน

วิธีคิดแบบคริสตจักรคือ คริสตจักรคือครอบครัว ชุมชนคริสเตียน เช่นการจัดค่ายคริสเตียนระดับประเทศ จะไปกันทั้งครอบครัว เรียกว่าค่ายครอบครัว เป็นค่ายจริยธรรม จุดนัดพบในทุกจัด 3-4 วัน มีบทเรียน เวิร์คชอปตามความสนใจ วัยรุ่นมาเจอกัน มีดนตรี ล่าสุดจัดตั้งกลุ่ม WAM คือ Warship นมัสการพระเจ้า Art ศิลปะ Media สื่อช่องทางต่างๆ พี่ดูแล แนะนำน้องๆ พร้อมกับความสนใจในศาสนา”

ด้านนายกูเฮง ยาวอฮะซัน เลขานุการรมว.ยุติธรรม กล่าวว่า คริสต์กับอิสลามแทบแยกกันไม่ออก แม้จะมีศาสดาคนละองค์ มนุษย์คือผลงานที่พระเจ้าสร้างและภูมิใจที่สุด ให้ความสำคัญกับเการเรียนรู้

“มุสลิมมี 4 อย่างคือ ต้องเรียนรู้ นำไปปฏิบัติ ด้วยความศรัทธา ต้องมีปฏิสัมพันธ์หรือมีสังคม ดูแลครอบครัวและสังคม รมต.ยุติธรรมบอกว่า ยาแสพติดแพ้ความรัก แพ้พ่อแม่ แพ้ครอบครัวที่อบอุ่น แพ้การศึกษา การศึกษายกระดับความคิดของคน ตัวชี้วัดเรื่องนี้สำคัญมาก ในเรือนจำมีผู้ต้องราชทัณฑ์ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ที่เรียนไม่จบขั้นพื้นฐานคือ ม.3 คนในสามจังหวัดที่ยังมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำจึงเข้าใจว่า การมีคุณภาพชีวิตที่ดีคือต้องรวย เข้าใจผิดว่ารวยแล้วมีความสุข เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดคือ คนที่มีความสุขคือคนที่มีความพอดี รู้ว่าความสุขคืออะไร เริ่มจากความรักจากครอบครัว เป็นความรักที่บริสุทธิ์เช่น การเยี่ยมในได้เห็นความรักบริสุทธิ์ ด้วยเวลาจำกัดได้เห็นความรู้สึก ความรักของแม่ ได้บอกสิ่งที่อยู่ในใจ ความรักที่แท้จริงมาจากข้างใน
เราต้องเข้าใจสังคม คนที่ติดยาไม่ควรถูกผลักไส หากเพื่อนติดยาต้องรักเขา ใส่ใจดูแล”

นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง (ศอ.บต.) กล่าวว่า พลังนอกภาครัฐมีความสำคัญมากในพื้นที่นี้ เป็นพลังบริสุทธิ์ คลี่คลายปัญหา ยึดหลักศาสนา ในวาระ 120 วันพืชกระท่อม ตามนโบบายของรมว.ยุติธรรม ได้มอบทุกกระทรวงนำไปปฏิบัติ เห็นพลัง ความตั้งใจของทุกฝ่าย คาดว่า ในวันที่ 30 ก.ย. 68 จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชายแดนใต้ในการคลี่คลายยาเสพติด

นายศรชัย ตลาสุข ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี เรือนจำ บอกถึงการรณรงค์ให้ความรู้และตรวจเจ้าหน้าที่เป็นวาระตามนโยบายกระทรวง ส่วนผู้ต้องราชทัณฑ์กลุ่มคดียาเสพติดที่เข้ามาใช้ระบบบำบัด ฟื้นฟู ตามโปรแกรมลักษณะโทษว่าเสพ ค้า บำบัดก่อนแล้วฟื้นฟูพฤฒินิสัย จิตใจ

“เมื่อเข้ามาในเรือนจำสามารถเลิกยาเสพติดได้หมด ที่นี่เป็นเรือนจำสีขาว ไม่มีสิ่งของให้เสพ มีระบบนำไปบำบัด ฟื้นฟู ให้รู้จักคิด ดำรงชีวิต สอนให้เห็นโทษของยาเสพติด เมื่อปล่อยตัวออกกไป เขาได้รับโทษตามสมควรแล้ว อย่าลงโทษซ้ำสอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ต้องช่วยประคับประคอง ชี้แนะจนเขาเดินได้เอง เมื่อมีอาชีพ มีรายได้ กินอิ่ม นอนหลับ จะไม่มีใครหวนกลัยมาทำผิดซ้ำในวงจรเดิมๆ”

ด้านนายเจตนา เหมมุน ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงมาตรการฮุก่มปากัตจะช่วยจัดการยาเสพติดที่ส่งผลกระทบกับทุกคนทุกพื้นที่ว่า
“พืชกระท่อมหาง่าย แทบจะกลายเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งชุมชนไปแล้ว หากจะแก้ปัญหาจริงจังต้องยึดกฎชุมชนเป็นหลัก คนที่รับทุกข์คือคนในชุมชน กระท่อมทำให้เยาวชนคลาน สมองโดนทำลายจะฝากความหวังไว้กับใคร ต้องมาคุย ประชุม กันว่าในบ้าน ชุมชน มีลูกหลานใครเสพ ขาย ครอบครองบ้าง มาตรการเบื้องต้นที่สำคัญ สามารถแก้ได้ตรงจุดแทบไม่ต้องใช้กฎหมายเลย บางพื้นที่ใช้ได้ผลแล้วกับหลัก 4 เส้าหรือ ฮุก่มปากัต คือ ฝ่ายปกครอง ท้องที่ท้องถิ่น ผู้นำศาสนาและภาคประชาสังคม เช่นที่สตูลเขียนข้อตกลงไว้ว่าหากใครไปค้ายาเสพติด คนในชุมชนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนในครอบครัวนั้น ถูกโดดเดี่ยวจากสังคม เป็นมาตรการที่ตกลงกันในชุมชน”

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.