สมาคมศิษย์เก่าและกลุ่มผู้ปกครองโรงเรียนสาธิต ยื่นข้อเสนอแนะให้ ม.ขอนแก่น พิจารณา ก่อนควบรวม 2 โรงเรียน หวั่นเกิดผลกระทบตามมาแล้วแก้ปัญหายาก
เมื่อเวลา 15.00น.วันที่19 ส.ค. 2568 ที่อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มสมาคมศิษย์เก่า โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น(ศึกษาศาสตร์)และกลุ่มผู้ปกครองโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น( ศึกษาศาสตร์) ประมาณ 50 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ข้อเสนอแนะการควบรวมโรงเรียนสาธิต มข.(ศึกษาศาสตร์) กับโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น( มอดินแดง)ต่อ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่อธิการบดีติดราชการจึงมอบหมายให้ นายธัญญา ภักดี ผู้อำนวยกองบริหารงานกลาง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินทางมาพบกลุ่มที่เดินทางมายื่นหนังสือและรับหนังสือ จากผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.กฤษฏา เปานาเรียง ตัวแทนกลุ่มผู้ปกครองโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น( ศึกษาศาสตร์)และรับหนังสือจาก นายวุฒิชัย ฉัตรชัยพลัตน์ นายกสมาคมศิษย์เก่า โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น(ศึกษาศาสตร์) เพื่อนำหนังสือข้อเสนอแนะของกลุ่มผู้ปกครองและสมาคมศิษย์เก่าฯ ยื่นต่ออธิการบดี มข.เพื่อพิจารณาต่อไป
นายวุฒิชัย ฉัตรชัยพลัตน์ นายกสมาคมศิษย์เก่า โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น(ศึกษาศาสตร์) กล่าวว่า ทุกคน ยังไม่เข้าใจความหมายของการที่ มข.จะควบรวม 2 โรงเรียนมารวมกัน ทุกคนอยากทราบข้อดี และความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหา หากมีเรื่องสุดวิสัยเกิดขึ้น ในฐานะศิษย์เก่า ก็จำได้ว่า การเรียน การสอนของ 2 โรงเรียนไม่เหมือนกัน แต่ที่ผ่านๆ ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ครู บุคลากรทั้ง 2 โรงเรียนต่างก็ทำการสอนและดูแลนักเรียนเป็นอย่างดีมาตลอด
“การจะรวม 2 โรงเรียนเข้าด้วยกันนั้น ทราบเพียงว่า เบื้องต้นจะรวมนักเรียนในระดับชั้นประถม จากทางสาธิตมอดินแดง มาเรียนที่สาธิตศึกษาศาสตร์ ซึ่งมีนักเรียนประมาณ 1,800 คน แล้วเอานักเรียนในระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนสาธิตศึกษาศาสตร์ไปเรียนรวมกับสาธิตมอดินแดง ขอยืนยันว่าทางสมาคมฯไม่ได้กัดกันหรือไม่พอใจที่ทาง มข.หรือผู้เกี่ยวข้องจะควบรวม 2 โรงเรียนนี้ แต่อยากให้ผู้บริหารทบทวนความเหมาะสมในหลายๆด้าน เพราะแจ้งกันว่า จะย้ายในวีนที่ 20 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เพราะผู้ปกครองและสมาคมฯ ต่างก็เห็นว่า ทำไมไม่ทำการสอบถามความพร้อมต่างๆก่อน และทำไมไม่คิดว่าการควบรวมจะเกิดผลดีกับนักเรียนหรือผู้ปกครองอย่างไร และจะมีผลเสียที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบตรงนี้”
นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า อยากให้ผู้บริหาร มข.ได้ชี้แจง หรือสอบถามความคิดเห็นของบุคลากรของผู้ปกครอง นักเรียน ว่าการรวมกันจะทำให้เกิดข้อดีข้อเสียอย่างไร หรือคิดเพียงว่ารวมแล้วทำให้เกิดข้อดีมากกว่า แต่อย่าลืมว่าปัจจุบันนี้ ทางกายภาพในเรื่องการจราจรติดขัด ถ้าเอาเด็ก สาธิตมอดินแดงมารวมกับสาธิตศึกษาศาสตร์ จะเกิดการจราจรติดขัดมากขึ้นมากๆ และการเรียนการสอนทั้ง 2 โรงเรียนหลักสูตรแตกต่างกัน การรวมกันต้องปรับหลักสูตรให้เข้ากันก่อนมั้ย เพราะถ้าเกิดผลกระทบขึ้นมาหลังควบรวม มข.จะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ ฝากให้ มข.จงได้คิดว่า การเดินเดินทุกย่างก้าว ของการรวมโรงเรียนนั้นจะต้องเป็นไปด้วยความต่อเนื่องและถูกต้องมั่นใจว่าดีและดีแล้วจริงๆจึงค่อยมารวมก็ยังได้
ด้าน ผศ. นพ.กฤษฏา เปานาเรียง ตัวแทนกลุ่มผู้ปกครองโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น( ศึกษาศาสตร์) กล่าวว่า ด้วยคณะศึกษาศาสตร์ มข. ได้มีนโยบายควบรวมโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มอดินแดง) กับโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) เป็นมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพียงแห่งเดียว โดยไม่ได้รแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้มีส่วนได้รับผลกระทบได้ทราบล่วงหน้าในแบบลายลักษณ์อักษร รวมถึงไม่ได้ทำประชาวิจารณ์เพื่อรับทราบข้อคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง บุคลากร และไม่ได้แสดง ข้อบังคับ มติ ประกาศ หรือคำสั่งอื่นใดเลย ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นนโยบาย ทำให้ผู้ปกครอง นักเรียน บุคลากร มีความกังวลกับการควบรวมโรงเรียนในครั้งนี้
ในฐานะตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) ขอแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการควบรวมโรงเรียนและขอคัดค้านการดำเนินการควบรวม
“โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) กับโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มอดินแดง) ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ.2540 มาตรา , 8 และ 9 หน่วยงานของต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะ โดยให้ประชาชนมีสิทธิรับรู้และขอข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานมีหน้าที่จัดหาข้อมูลให้ได้ ในฐานะผู้ปกครองเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงต่อการควบรวมโรงเรียนจึงเรียกร้องและขอแจ้งให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่นและผู้ที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลของข้อบังคับ มติ ประกาศ หรือคำสั่งอื่นใดของสภาวิทยาลัยเรื่องควบรวมโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นการด่วนทันที พร้อมส่งสำเนาเนาเอกอย่างเปิดเผยให้แก่สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งยังเป็นการแสดงความชอบธรรมในการใช้อำนาจตามครรลองด้านการบริหาร
ความไม่ชัดเจนของวัตถุประสงค์ในการควบรวมโรงเรียน ยังไม่มีการชี้แจงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่าง โปร่งใสและชัดเจน จึงเกิดความคลุมเครือในเจตนารมณ์และเป้าหมายของการควบรวมครั้งนี้ ประโยชน์ต่อการพัฒนานักเรียน ทั้งในด้านวิชาการและทักษะชีวิต ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่า การควบรวมโรงเรียนจะสร้างประโยชน์ต่อกลุ่มนักเรียนอย่างไร”
ผศ.นพ.กฤษฎา กล่าวต่อว่าข้อดีเหล่านั้นเหนือกว่าการคงรูปแบบโรงเรียนเดิมหรือไม่ กระบวนการดำเนินงานผิดไปจากข้อกำหนดและขั้นตอนตามระเบียบที่ว่าด้วยการขอควบรวมหรือจัดตั้งหน่วยงานในมหาวิทยาลัย ทำให้ขาดความชอบธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานโรงเรียนยังไม่มีความพร้อมในเชิงกายภาพที่ชัดเจนในการรองรับนักเรียนที่คาดว่าจะเพิ่มคน เป็น 1,800 คน สำหรับระดับประถมศึกษา ทั้งในด้านอาคารเรียน สภาพแวดล้มบริเวณโรงเรียน พื้นที่สนามเด็กเล่น สนามกีฬา และโรงอาหารสำหรับนักเรียน จนอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการเรียนรู้และความปลอดภัยของนักเรียน
“ระบบการจัดการจราจร ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนยังไม่มีความชัดเจนในการเตรียมรับมือกับยานพาหนะของจ้านวนผปกครองของนักเรียนระดับประถมศึกษาประมาณ 1,800 คน ระดับมัธยมศึกษา 1,250 คน ระดับอนุบาล 600 คน และยังมีโรงเรียนสาธิตนานาชาติอีก 500 คน รวมนักเรียนที่จะต้องให้โรงเรียนและรอบโรงเรียนประมาณ 4,100 คน และยังมีบุคลาการของโรงเรียนอีกหลายร้อยคน อาจเกิดปัญหาความแออัดของการจราจรโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้าและตอนเย็น ทำให้เสียงต่อความปลอดภัยของนักเรียน
และในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้พูดคุยกับผู้ปกครองนักเรียนหลายคน สรุปตรงกันว่า ควรเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อประกอบการพิจารณาการควบรวม 2 โรงเรียนทั้งหมด 5 ข้อ คือ 1.กระบวนการควบรวม ต้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามข้อบังคับ ระเบียบและแนวทางที่ มข.กำหนดอย่างเคร่งครัด เป็นไปตามขั้นตอน อย่างโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน 2.ความพร้อมทางกายภาพของโรงเรียน ควรมีการสำรวจความพร้อมทางกายภาพของโรงเรียน ที่จะเป็นสถานที่เรียน ตลอดจนระบบการจราจรทั้งในและนอกโรงเรียน 3.จัดระบบการเรียนการสอนระดับมัญยมศึกษาให้สัมพันธ์กัน ไม่ควรแยกระดับมัธยมปลายไปเรียนที่อื่น 4.การเตรียมความพร้อมและการสื่อสาร ควรมีการวางแผน มีความพร้อม ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและชัดเจน ขจัดความเข้าใจผิด สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือจากทุกฝ่าย 5. การควบรวมควรดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้ไล่ระดับ จากชั้น ป.1ไล่ระดับ มากกว่าที่จะนำนักเรียนชั้นประถมทั้งหมด 6 ระดับ มารวมกันในครั้งเดียว และควรจะนำข้อเท็จจริงในเรื่องของการควบรวมทั้ง 2 โรงเรียน มาประชาสัมพันธ์อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ให้ประชาชนและผู้ปกครองของนักเรียนได้ทราบ โดยเฉพาะผู้ปกครองนักเรียน ที่มีความประสงค์ในการสอบเข้าหรือศึกษาต่อในโรงเรียนสาธิตทั้ง 2 แห่ง โดยจะต้องประชาสัมพันธ์ก่อนเปิดรับสมัครและในช่วงรับสมัครนักเรียนในปีนั้นๆและในทุกๆปี เพื่อสร้างความเข้าใจและเป็นการเปิดเผยข้อมูลหรือข้อเท็จจริงแก่ประชาชนได้รับทราบด้วย”
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.