ผู้จัดการมรดก งัดหลักฐานเด็ดโฉนดที่ดินฉบับจริงยืนยันสิทธิ์ครอบครองวัดดังขอนแก่น แจ้งจับเจ้าอาวาสวัดสวมสิทธิ์พระผู้ใหญ่-ยักยอกที่ดินชาวบ้าน เนื้อที่รวม 27 ไร่ ทั้งยังปล่อยให้วัดเป็นแหล่งมั่วสุมขายยาใจกลางเมือง วอน “บิ๊กเต่า”ช่วย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.ย.2568 นางบัวไช สรสมุทร อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 ม.14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้นำเอกสารหลักฐานการเป็นผู้จัดการมรดก พร้อมด้วยโฉนดที่ดิน และเอกสารสำเนาการลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองขอนแก่น และ บก.ปปป. นำมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงตรวจสอบข้อเท็จจริงและสะท้อนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หายหลังจากการเข้าแจ้งความที่ บก.ปปป.และ สภ.เมืองขอนแก่น แต่เรื่องไม่มีความคืบหน้าใดๆ
นางบัวไข กล่าวว่า ในฐานะมรดกของคุณพ่อซึ่งเสียชีวิตแล้วคือนายเฮียง พิมพ์ศรี ซึ่งศาล จ.ขอนแก่น ได้มีคำพิพากษาลงวันที่ 8 ส.ค.2559 ให้ตนเองเป็นผู้จัดการมรดกคุณพ่อตามกฎหมายอย่างถูกต้อง แต่กลับถูกพระครูอดุลสารนิเทศ เจ้าอาวาสวัดป่าอดุลยาราม เขตเทศบาลนครขอนแก่น แสดงเอกสารสิทธิ์ต่างๆครอบครองที่ดินเนื้อที่รวม 27 ไร่อย่างไม่เป็นธรรมจนมีการขึ้นศาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันว่าใครอยู่เบื้อหลังและใครต้องการที่ดินแปลงนี้เพราะเป็นที่ดินทำเลทองใจกลางเมืองติดกับรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งตนเองก็ออกมาปกป้องสิทธิ์ของครอบครัวและสิทธิ์อันพึงจะได้ ตามเอกสารหลักฐานที่ปรากฏคือโฉนดที่ดินที่นำมาแสดงต่อสื่อมวลชนว่าเจ้าของคือคุณพ่อไม่ใช่ของวัด ตนเองจึงเข้าแจ้งความที่ บก.ปปป. เพื่อเอาผิดเจ้าอาวาสที่ทำการยักยอดกที่ดินของครอบครัวไป อีกทั้งตนเองก็อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ก็ได้เข้าไปที่วัดอย่างต่อเนื่องก็พบว่ามีการปล่อยวัดให้เป็นพื้นที่ทรุดโทรม เป็นแหล่งมั่วสุม และทราบมาว่าบางครั้งก็มีการลักลอบค้ายาเสพติดในวัด และมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก็ตรวจพบของกลางและจุดที่มีลักษณะของการมั่วสุมอย่างชัดเจน
“ จำได้ว่าในปี 2533 คุณพ่อคือนายเฮียง พิมพ์ศรี ได้เคยพูดว่าจะยกที่ดิน 6 ไร่ให้สร้างวัด แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งปี 2534 คุณพ่อเสียชีวิต ทุกอย่างถือเป็นโมฆะและไม่มีการดำเนินการใดๆ อยู่ๆเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันมาอ้างเอกสารสิทธิ์ทั้ง 27 ไร่ และไม่มีการดำเนินการใดๆที่ถูกต้อง วัดก็ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย พื้นที่ของวัดก็ปล่อยทิ้งขว้างทรุดโทรมไม่ดูแล ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้ส่งมอบให้กับ บก.ปปป.แล้ว โดยหวังว่า ผู้ที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ที่กำลังตรวจวัดและจับกุมคนผิดในวงการต่างๆ จะมารับเรื่องวัดป่าอดุลยารมแห่งนี้เพื่อสร้างความกระจ่างตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”
นางบัวไข กล่าวต่อว่า ที่สำคัญคือการแจ้งความเอาผิดพระสุพัตร์ ฐิตะวังโส เจ้าอาวาสวัดป่าอดุลยาราม ที่สวมสิทธืและแอบอ้างตนเองเป็นพระครูอดุลสารนิเทศ ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นของเจ้าอาวาสวัดตราชูวนาราม ซึ่งได้มรณภาพไปแล้ว จึงไม่ทราบว่าจะมีการสวมสิทธื หรือแอบอ้าง หรือกระทำการใดๆเพื่อปลอมแปลงเช่นเดียวกันกับวงการพระสงฆ์ของไทยที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้หรือไม่จึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจนำเอกสารหลักฐานการครอบครองสิทธิ์ที่ดินวัดดังกล่าวให้วัดคืนที่ดินให้กับครอบครัวและตรวจสอบเจ้าอาวาสฯว่าดำเนินการทุกด้านที่ถูกต้องหรือไม่แม้กระทั่งสมณศักดิ์ของตนเองนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรและการมั่วสุมภายในวัด รวมทั้งพฤติกรรมต่างๆของวัดในภาพรวมทั้งหมดด้วย






Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.