เอาผิดครูอนุบาลอ้างลมพัดประตูหนีบทำนิ้วลูกขาด

632

เวลา 13.30 น.วันที่ 30 ก.ย.63 นางพิมญาดา รุซโซ่ว์ อายุ 37 ปี ชาว อ.เมือง จ.เชียงราย ได้เข้าพบร.ต.อ.อิทธิพล ฉลาดธัญญกิจ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย พร้อมนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายและใบรับรองแพย์เข้าแจ้งความกับผู้บริหารของโรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่หมู่ 9 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย หลังบุตรชายของเอง ด.ช.เอ นามสมมุติ อายุ 3 ปี 3 เดือนถูกประตูโรงเรียนหนีบตรงปลายนิ้วชีเของมือซ้าย โดยแพทย์ยืนยันว่าปลายนิ้วชี้ด้านซ้ายขาดถาวรจนนิ้วสั้นลง

นางพิมญาดา เปิดเผยว่าตนและสามี ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสได้ส่งบุตรชายเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวเพราะในอดีตมีประวัติดูแลเด็กดีและมีชื่อเสียง กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้โทรศัพท์ถึงตนแจ้งว่าลูกชายของตนประสบเหตุบาดเจ็บที่นิ้วและได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วจึงขอให้ไปพบกันที่โรงพยาบาล จึงรีบไปดูก็พบว่าแพทย์ได้ให้การรักษาอาการบาดเจ็บที่นิ้วและได้พันผ้าเอาไว้

เมื่อสอบถามสาเหตุก็ทราบจากทางผู้บริหารโรงเรียนว่าเกิดจากประตูไม้ภายในห้องของโรงเรียนหนีบขณะที่น้องกำลังจะนำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้องก่อนจะเข้านอน ในเบื้องต้นตนก็ไม่ได้ติดใจมากนักโดยหลังจากนั้นก็พาบุตรชายกลับบ้านตามปกติแต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นเพียง 1 วันบุตรชายก็มีอาการจนร้องไห้งอแงมากขึ้น และผ้าพันแผลก็หลุดออกมาทำให้เห็นถึงบาดแผลว่าร้ายแรงกว่าที่คิดโดยปลายนิ้วได้หายไปทำให้ตนเสียใจอย่างมาก

จึงได้ไปพบผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อแจ้งว่าแผลที่เกิดขึ้นกับบุตรชายร้ายแรงกว่าที่คิดเอาไว้ และขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฎว่าเป็นภาพครูพี่เลี้ยงเป็นผู้หญิงอยู่ในห้อง 2 คนกำลังเตรียมให้เด็กๆ เข้านอน แต่ลูกชายได้นำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้องแต่ขณะที่มือข้างซ้ายจับอยู่กับขอบประตู ไนขณะเดียวกันครูพี่เลี้ยงได้ฝปิดประตูที่เป็นไม้อย่างแรงจนขอบประตูทับนิ้วได้รับบาดเจ็บ

หลังจากเห็นภาพจากกบ้แงวงจรปิดตนก็รู้สึกผิดหวังอย่างมากเพราะเหตุการณ์ไม่ใช่เหตุลมพัดตามที่บอกแต่เกิดจากการปิดประตู จึงได้สอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนก็ได้รับการขอโทษพร้อมแสดงความเสียใจว่าไม่ได้ตรวจดูเหตุการณ์อย่างละเอียดและพร้อมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทุกอย่าง อย่างไรก็ตามก็รู้สึกเสียใจไปแล้วเพราะไม่ได้บอกความจริงมาตั้งแต่ต้นเพราะเมื่อนิ้วมีสภาพเช่นนี้ก็อาจทำให้ลูกต้องเสียโอกาสในการทำงานในอนาคตไปเพราะนิ้วไม่สมบูรณ์ แม้ปัจจุบันแผลจะหายดีขึ้นและได้ย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่อื่นแล้วแต่ก็อยากได้รับการเยียวยา เมื่อสอบถามไปยังทางโรงเรียนก็มีการรับว่าจะเยียวยาให้ทางตนจึงยื่นข้อเสนอไปว่าขอค่าเสียหายจำนวน 400,000 บาท แต่ทางโรงเรียนต่อรองเหลือเพียง 100,000 บาทซึ่งตนเห็นว่าไม่เพียงพอล่าสุดก็ได้เจรจากันที่จำนวน 350,000 บาท โดยทางโรงเรียนแจ้งว่าจะติดต่อมาในช่วงเที่ยงของวันที่ 30 ก.ย.นี้แต่ปรากฎว่าเงียบหายไปเมื่อตนใช้ไลน์สอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนก็มีการอ่านแต่ไม่ตอบกลับจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าว

ด้านพนักงานสอบสวนได้สอบถามข้อมูลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการแจ้งความ จากนั้นจะประสานไปยังแพทย์เพื่อขอหลักฐานผลการชันสูตรบาดแผล และข้อมูลการรักษา เพื่อจะนำกลับมาพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำได้อย่างไร ส่วนในอนาคตหากคู่กรณียังประสงค์จะเจรจากันเรื่องค่าสินไหมทดแทนอีกครั้งก็จะมีการจัดทำเป็นบันทึกข้อตกลงกันได้ต่อไป

ด้านผู้บริหารโรงเรียน กล่าวว่าทางโรงเรียนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก และได้มีการเจรจาหารือกับผู้ปกครองของเด็กมาโดยตลอดและล่าสุดในการเจรจาค่าเสียหายนั้นทางโรงเรียนก็ขอนำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการโรงเรียนก่อน เพราะกรณีของเด็กเตรียมอนุบาลนั้นเราไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ เมื่อตนได้แจ้งทางไลน์ไปยังผู้ปกครองเด็กปรากฎว่าไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใดทำให้วันเดียวกันนี้ไม่ได้ติดต่อกันในที่สุด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นพบว่าห้องดังกล่าวมี 2 ประตูแต่เด็กได้ออกไปทางประตูหนึ่งโดยที่ครูพี่เลี้ยงไม่ทันสังเกตุและปิดประตูเพราะตามปกติการเข้าออกจะใช้อีกประตูหนึ่ง หลังเกิดเหตุก็ได้ย้ายครูคนดังกล่าวไปทำหน้าที่อื่นโดยไม่ได้มาดูแลในห้องเด็กแล้วรวมทั้งพร้อมจะพูดคุยเพื่อหาทางออกกับผู้ปกครองต่อไป
///////////////

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.