เวลา 01.00 น.วันที่ 19 พ.ค. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.3 บช.ปส. นำโดย พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง ผบก.ปส.3 บช.ปส. ได้สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านพื้นที่ อ.เชียงแสน จึงได้ประสานกับทาง สภ.เชียงแและ นรข.เชียงแสน ตั้งจุดสกัดบน ถนนสายเชียงแสน – เชียงของ หน้าวัดพระธาตุผาเงา ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงรายจนกระทั่งมีรถกระบะโตโยต้า วีโก้รุ่นพรีรันเนอร์ สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน บว 4743 เชียงราย และ โตโยต้า วีโก้แค๊ปแชมป์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บห 5465 เชียงราย ผ่านมาโดยมุ่งหน้าไป อ.เชียงของ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้สัญญาณหยุด แต่รถทั้งสองคันเมื่อเห็นด่านตรวจได้เลี้ยวกลับเส้นทางเดิม เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถไล่ติดตาม
จนกระทั่งสามารถติดตามรถหมายเลทะเบียน บว 4743 เชียงราย ได้ทันแต่คนขับยังไม่ยอมจอดรถ ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงใส่ยางรถ จนยางแตกทำให้รถหยุดอยู่กลางสะพานแม่น้ำคำ แต่คนที่อยู่ภายในรถจำนวน 2 คน ได้เปิดประตูวิ่งหนีออกจากรถ โดย คนหนึ่งวิ่งเข้าไปในป่าข้างทาง ส่วนอีกคนได้กระโดดลงไปในแม่น้ำคำ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดตามจับกุมได้จากการตรวจสอบภายในรถพบกระสอบฟาง ดัดแปลงเป็นถึงจำนวน 4 ถุง ภายภายในบรรจุถุงใส่ชาสำเร็จรูป จำนวน 100 ถุง เมื่อเปิดออกภายในถุงชาพบว่ามียาไอซ์บรรจุอยู่ภายใน โดยมีน้ำหนักถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม น้ำหนักรวมทั้งสิ้น ประมาณ 100 กิโลกรัม
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทาง พ.ต.ท.ถนัด ชุ่มมะโน รอง ผกก.สภ.เชียงแสน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสนให้สกัดจับรถอีกคันที่หลบหนี จนพบรถกระบะ หมายเลขทะเบียน บห 5465 เชียงราย ถูกจอดทิ้งไว้ริมถนน ห่างจากจุดแรก ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน โดยอยู่ในระหว่าง นำตัวสอบสวนอย่างเร่งด่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่กำลังหลบหนี
สำหรับยาไอซ์ดังกล่าวคาดว่าเป็นกลุ่มชาวเขาเผ่าม้งที่อยู่ในเขตติดต่อระหว่าง อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำส่งต่อให้กับลูกค้าชั้นนของประเทศ ซึ่งหากสามารถหลุดรอดไปได้ยาไอซ์ดังกล่าวจะมีมูลค่ากว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.