วันที่ 23 ก.ย.59 ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย ได้มีกลุ่มประชาชนจาก ม.1 และ ม.11 ต.ธารทอง อ.พาน จ.เชียงราย ประมาณ 100 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกชาวนิ คมแม่ลาวและญาติได้ไปชุมนมยื่ นหนังสือต่อบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เพื่อขอให้ช่วยเหลือกรณี สถานะภายในนิคมแม่ลาวซึ่งเป็ นสถานที่อยู่อาศัยและช่วยเหลื อผู้ป่วยโรคเรื้อนมาตั้งแต่ปี 2478 โดยกลุ่มผู้ไปชุมนุมดังกล่าวถื อป้ายข้อความขอให้ช่วยเหลื อพวกเขาไปต่างๆ นานา เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อนและลู กหลานร้องทุกข์ขอความเป็ นธรรมในสิทธิที่ทำกินและที่อยู่ อาศัย โปรดพิจารณายกเว้นการเก็บค่าเช่ าที่อยู่อาศัยที่ทำกิน เป็นต้น ซึ่งต่อมานายกิ่งเพชร พันธ์ประยูร ผู้ช่วยป้องกัน จ.เชียงราย ได้เข้ารับเรื่องจากชาวบ้านพร้ อมรับปากจะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ ยวข้องได้รับทราบเพื่อพิ จารณาดำเนินการต่อไปทำให้กลุ่ มชาวบ้านสลายตัว
นางมาเรีย พรมเต็ม ประธานกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อนนิ คมแม่ลาว กล่าวว่าพื้นที่ที่พวกตนอาศั ยอยู่ดังกล่าวเรียกว่านิคมแม่ ลาวโดยรัฐบาลในอดีตได้ตั้งขึ้ นเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่ วยโรคเรื้อจากทั่วประเทศ ปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ 6,456 ไร่ เดิมเคยมีกรมควบคุมโรคให้การดู แลควบคุมแต่ต่อมาถูกถ่ ายโอนไปให้กับกรมธนารักษ์ และทำให้เกิดความเปลี่ ยนแปลงขนานใหญ่เพราะหลังจากผ่ านไปหลายปีก็เหลือสมาชิกภายในนิ คมที่มีชีวิตอยู่จำนวน 110 คนที่เหลือเป็นรุ่นลูกหลานที่มี อยู่รวมกันประมาณ 500 คน แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามจะให้ ทางสมาชิกที่เหลือได้ลาออกจากนิ คมแม่ลาวเสียโดยจะยังคงได้รับสิ ทธิเช่นเดิมคือเงินช่วยเหลือผู้ ป่วยเดือนละ 4,500 บาท และยังได้รับค่าอาหารและค่าผู้ สูงอายุเหมือนประชาชนทั่วไปอีก หากผู้ใดไม่ลาออกก็จะได้รั บเฉพาะสิทธิเดิมที่เคยได้รับเท่ านั้น จึงทำให้เข้าใจผิดและลาออกจากนิ คมแม่ลาวไปใช้ชีวิตตามปกติ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องการให้เปลี่ ยนพื้นที่เป็นชุมชนอาศัยทั่วไป
นางมาเรีย กล่าวอีกว่าแต่เนื่องจากสถานที่ แห่งนี้เป็นที่ของกรมธนารักษ์ สถานะจึงต้องเช่าที่ดินเพื่ออยู่ อาศัยและจะส่งผลกระทบต่อคนรุ่ นลูกหลานของพวกตนต่อไปอีกด้วย ดังนั้นพวกเราจึงมาร้องทุกข์ไม่ อยากให้มีการยุบนิคมแม่ ลาวและเห็นว่าควรแก้ไขปัญหาด้ วยวิธีอื่นมากกว่าให้ยุบ เช่น ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่ นคงของมนุษย์ไปดูแล คงความเป็นนิคมแม่ลาวเอาไว้ต่ อไป เป็นต้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาเคยยื่นร้องทุ กข์ไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานทั้ งสำนักนายกรัฐมนตรี ทหาร ศูนย์ดำรงค์ธรรม จ.เชียงราย ฯลฯ แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชั ดเจนและกลับได้รับหนังสือแจ้ งจากกรมธนารักษ์ให้ไปเสียค่าเช่ าที่ดินที่อยู่อาศัยทำกินเสียอี ก ทำให้พวกตนมีความกังวลและทุกข์ ใจอย่างมากดังนั้นหลังจากยื่นร้ องทุกข์ครั้งนี้แล้วจะได้กลั บไปขอความคำตอบอีกครั้งต่อไป.
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.