วันที่ 5 ธ.ค.63 ที่ห้องพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเขียงราย และนายแพทย์สมศักดิ์ อุทัยพิลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ใน จ.เชียงราย โดยได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบเป็นหญิงอายุ 25 ปี โดยคนแรกมีอาการไอ มีเสมหะ มีน้ำมูกและจมูกไม่ได้กลิ่น ส่วนอีกคนมีไข้และปวดเมื่อยตามตัว ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวน และคัดแยกกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งสูงและต่ำ ตามขั้นตอน รวมผู้ติดเชื้อในจังหวัดเชียงราย จำนวน 11 ราย โดยติดเชื้อจากผู้ที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก จำนวน 6 ราย และติดเชื้อในศูนย์ตรวจกักดูอาการหรือ State local Quarantine จำนวน 5 ราย
โดย 2 รายล่าสุด พบว่าอยู่ด้วยกันโดยมีประวัติทำงานที่โรงแรมวันจีวันใน จ.ท่าขี้เหล็ก เหมือนกับคนที่พบเชื้อก่อนหน้านี้ และได้หลบหนีเข้ามาที่ อ.แม่สาย ด้วยช่องทางธรรมชาติ และไปพักที่บ้านพักกับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.พะเยา ที่พบก่อนหน้านี้
จนกระทั่งทราบว่าเพื่อนที่มาพักในบ้าน หลังเดียวกันได้ติดเชื้อไปแล้วจึงได้ไปตรวจ ที่สถานบริการทางการแพทย์เอกชน แต่ผลว่าไม่ติดเชื้อจึงได้กลับไปยังที่พัก จนกระทั่งวันที่ 2 ธันวาคมพบว่ามีไข้จึงได้โทรศัพท์ติดต่อขอเข้าตรวจที่โรงพยาบาลแม่สายเพื่อทดลองอีกครั้งและพบว่าติดเชื้อดังกล่าว โดยทั้งสองคนก่อนหน้านี้ได้เดินทาง ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย และตลาดสดในอำเภอแม่สายด้วย
นายวรวิทย์ กล่าวว่าปัจจุบันมีคนไทยที่ตกค้างอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก คาดว่ามีประมาณ 400 คน ล่าสุดในวันนี้ได้แจ้งผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่นขอข้ามมาเพิ่มเติมจำนวน 40 คน ส่วนคนที่ข้ามมาแล้วมีจำนวน 67 คน ทั้งหมดอยู่ใน State local Quarantine สำหรับสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยรายที่ 7 ที่ ซึ่งเป็นสาวประเภท 2 พบเชื้อใน อ.เมือง จ.เชียงราย นั้น ทำงานที่ร้าน 8080 โดยทางจังหวัดได้สั่งการให้ปิด 14 วัน และร้านที่ผู้ป่วยและเพื่อนพากันไปดื่มกินอีก 3 แห่งได้ปิด 7 วันโดยช่วงนี้ได้เข้าสู่กระบวนการฆ่าเชื้อและทำความสะอาด ซึ่งจากการรายต่างๆ พบว่าสามารถควบคุมได้ดังนั้นหากวันที่ 20 ธ.ค.นี้เป็นต้นไปไม่พบเพิ่มเติม จังหวัดเชียงรายก็จะเข้าสู่ภาวะปลอดภัย
นายแพทย์ทศเทพ กล่าวว่า รายที่ 10 และ 11 พบว่าได้ไปตรวจที่คลินิกเอกชนซึ่งใช้วิธีการตรวจหาแอนติบอดี้หรือภูมิคุ้มกันซึ่งทางสาธารณสุขไม่แนะนำให้ใช้แล้ว และเมื่อไปตรวจกับราชการซึ่งใช้การแอนติเจนของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางโพรงจมูก ปรากฎว่าพบการติดเชื้อดังกล่าว นอกจากนี้กรณีนี้ทางคลินิกจะต้องแจ้งให้ทางสาธารณสุขได้รับทราบแต่กลับไม่มีการแจ้ง จึงจะได้ทำความเข้าใจกับคลินิกรายนี้และเร่งประชาสัมพันธ์ให้สถานบริการทางการแพทย์เอกชนทั่วไปให้มีการใช้วิธีการที่ถูกต้องรวมทั้งให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบเพื่อจะได้เป็นไปในทางเดียวกัน
ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวว่าสำหรับผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่ในการดูแลที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์พบว่าไม่มีอาการเลย 3 ราย และมีอาการ 8 ราย ซึ่งแนวทางการรักษาคือให้ยาต้านไวรัสกับผู้ที่มีอาการเป็นเวลา 5 วัน และดูอาการอีก 10 วัน ปัจจุบันผู้ป่วยรายแรกจะครบกำหนดการรักษาและสามรถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้ออกจากโรงพยาบาลต่อไป
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.